Claude Code & การเปลี่ยนแปลงของ Agentic Coding: มุมมองลึกจาก Boris Cherny แห่ง Anthropic

สำรวจมุมมองของ Boris Cherny จาก Anthropic เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยุคบัตรเจาะรูจนถึง AI สมัยใหม่ พร้อมแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Claude Code ในยุค AI ที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว

Claude Code & การเปลี่ยนแปลงของ Agentic Coding: มุมมองลึกจาก Boris Cherny แห่ง Anthropic

ในโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมาของ AI และโมเดลที่มีความสามารถในการเขียนโค้ดได้อย่างชาญฉลาดกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หนึ่งในเสียงที่น่าสนใจในวงการนี้คือ Boris Cherny ผู้สร้าง Claude Code และสมาชิกทีมเทคนิคของ Anthropic ที่ได้เล่าถึงวิวัฒนาการของการเขียนโปรแกรมและ UX ของเครื่องมือเขียนโค้ด พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงทิศทางของผลิตภัณฑ์ในยุคที่โมเดล AI กำลังพัฒนาแบบ "unexponential" หรือก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่จะคาดเดาได้

บทความนี้จะพาเราไปสำรวจมุมมองของ Boris Cherny เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงยุค AI และแนวทางของทีม Claude Code ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์เชิงลึกและแง่มุมที่น่าสนใจจากเนื้อหาในคลิป เพื่อให้เราเข้าใจภาพใหญ่ของอนาคตการเขียนโค้ดและการใช้งานโมเดล AI ได้ดียิ่งขึ้น

Boris Cherny กล่าวเปิดงานและถามผู้ใช้ Quad Code

วิวัฒนาการของการเขียนโปรแกรม: จากสวิตช์บอร์ดสู่ AI

Boris ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเขียนโปรแกรมในช่วงปี 1930-1940 ซึ่งในเวลานั้นยังไม่มีซอฟต์แวร์อย่างที่เราคุ้นเคย การเขียนโปรแกรมเป็นกระบวนการทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับสวิตช์บอร์ดและอุปกรณ์เครื่องจักรกล ต่อมาในปี 1950 การใช้บัตรเจาะรู (punch cards) ก็กลายเป็นวิธีการหลักในการเขียนโปรแกรม ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวของ Boris เพราะคุณปู่ของเขาเป็นหนึ่งในโปรแกรมเมอร์คนแรก ๆ ในสหภาพโซเวียต และแม่ของเขาก็ได้เล่าถึงความทรงจำในวัยเด็กที่เห็นกองบัตรเจาะรูและใช้สีเทียนวาดลงไปบนบัตรเหล่านั้น

หลังจากนั้น การเขียนโปรแกรมก็เริ่มเปลี่ยนไปสู่ระดับซอฟต์แวร์มากขึ้น ด้วยการเกิดขึ้นของภาษาโปรแกรมระดับสูง เช่น Assembly, COBOL, C++ จนถึงการปฏิวัติในยุค 1990 ที่มีการเกิดขึ้นของภาษาใหม่ ๆ อย่าง Haskell, JavaScript, Java, Python และอื่น ๆ ซึ่งทำให้การเขียนโปรแกรมมีความซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือในปัจจุบัน ภาษาการเขียนโปรแกรมต่าง ๆ เริ่มมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของโครงสร้างและแนวคิด โดย Boris ชี้ว่าเมื่อเรามองภาษาต่าง ๆ เช่น TypeScript, Rust, Swift หรือ Go เราจะเห็นว่ามีความใกล้เคียงและการรวมตัวของนามธรรม (abstractions) ที่ทำให้การเขียนโค้ดง่ายขึ้นและสอดคล้องกันมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของ UX ในการเขียนโปรแกรม

นอกจากภาษาการเขียนโปรแกรมแล้ว ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ของเครื่องมือเขียนโค้ดก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงเวลาเดียวกัน

ในยุคแรก ๆ การเขียนโปรแกรมต้องใช้เครื่องพิมพ์ดีดเพื่อเจาะรูบนบัตรเจาะรู ต่อมาได้เกิดโปรแกรมแก้ไขข้อความ (text editor) ตัวแรกที่ชื่อว่า Ed ซึ่งถูกพัฒนาโดย Ken Thompson ที่ Bell Labs ซึ่งแม้จะดูเรียบง่ายและไม่มีคุณสมบัติอย่างเคอร์เซอร์หรือ scroll back แต่มันคือจุดเริ่มต้นของ UX สำหรับการเขียนโปรแกรมในซอฟต์แวร์

โปรแกรมแก้ไขข้อความ Ed ที่ยังใช้ใน UNIX

หลังจากนั้นก็มีนวัตกรรมสำคัญอย่าง Vim และ Emacs ซึ่งกลายเป็นโปรแกรมแก้ไขข้อความยอดนิยมในวงการนักพัฒนา

ในปี 1980 มีการพัฒนา Smalltalk '80 ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมแรก ๆ ที่นำเสนออินเทอร์เฟซกราฟิกสำหรับการเขียนโปรแกรม โดยมีฟีเจอร์ที่ล้ำหน้าอย่าง live reload ซึ่ง Boris ชี้ว่าเป็นสิ่งที่เรายังพยายามทำให้ดีขึ้นในยุค React JS ปัจจุบัน

Smalltalk '80 ระบบเขียนโปรแกรมกราฟิกแรกๆ

ต่อมาในปี 1991 Visual Basic ได้กลายเป็นตัวแทนของการนำอินเทอร์เฟซกราฟิกเข้าสู่โปรแกรมแก้ไขโค้ดแบบ mainstream ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงการเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น

และในยุคของ IDE อย่าง Eclipse ได้ทำให้ฟีเจอร์ typeahead หรือการแนะนำโค้ดแบบเรียลไทม์เป็นที่นิยม โดยใช้การวิเคราะห์แบบ static analysis เพื่อดึงข้อมูลสัญลักษณ์และแนะนำโค้ดที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้

การมาของ GitHub Copilot นับเป็นก้าวกระโดดสำคัญของการแนะนำโค้ดด้วย AI ที่ไม่เพียงแค่แนะนำโค้ดทีละบรรทัด แต่ยังสามารถช่วยเขียนโค้ดยาวหลายบรรทัดได้

GitHub Copilot แนะนำโค้ดด้วย AI

และ Boris ยังชูให้ Devin เป็น IDE แรกที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาธรรมชาติ (natural language) ที่ถูกแปลงเป็นโค้ดได้จริง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้แนวคิดการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาธรรมชาติเข้าสู่กระแสหลักได้สำเร็จ

การตรวจสอบและความน่าเชื่อถือของโค้ดในยุคใหม่

การตรวจสอบโค้ดหรือ Verification ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ต้องพึ่งพาการดีบักแบบแมนนวลและการตรวจสอบผลลัพธ์อย่างละเอียด มาสู่ยุคของการใช้เทคนิค probabilistic verification เช่น fuzzing, vulnerability testing และ chaos testing ที่ Netflix ใช้เพื่อทดสอบระบบอย่างเข้มข้น

การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเพิ่มความมั่นใจและความน่าเชื่อถือให้กับซอฟต์แวร์ในยุคที่ระบบซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

แนวทางของ Claude Code กับการรับมือยุค AI ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว

Boris เล่าให้ฟังถึงแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทีม Claude Code ซึ่งเน้นการเริ่มต้นจาก Terminal โดยให้ผู้ใช้เข้าถึงโมเดล AI ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่จะทำให้ยังคงประสิทธิภาพการทำงานได้ดี

แทนที่จะสร้าง UI ที่ซับซ้อนหรือใส่ฟีเจอร์มากมาย เพื่อป้องกันการบังคับรูปแบบการใช้งาน ทีมเลือกที่จะเป็นกลาง (unopinionated) และให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนและผสมผสานโมเดล AI เข้ากับเครื่องมือและ workflow ของตนเองได้อย่างอิสระ

Quad Code เน้นการใช้งานผ่าน Terminal แบบเรียบง่าย

เหตุผลหนึ่งมาจาก Anthropic เป็นบริษัทที่เน้นการพัฒนาโมเดล AI และต้องการให้ผู้ใช้ได้สัมผัสความสามารถของโมเดลอย่างแท้จริง อีกส่วนหนึ่งคือทีมเองก็ยังไม่แน่ใจว่า UX ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับยุคนี้คืออะไร จึงเลือกเริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายและยืดหยุ่นที่สุด

Claude Code จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตั้งใจให้เป็นเครื่องมือทั่วไป ที่แสดงศักยภาพของโมเดลอย่างชัดเจน โดยไม่ปิดกั้นการใช้งานและสามารถทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ

โมเดล AI กับการเติบโตแบบ Unexponential

หนึ่งในข้อสรุปสำคัญของ Boris คือโมเดล AI กำลังเติบโตและพัฒนาความสามารถแบบไม่เป็นเส้นตรงหรือ exponential แต่เขาใช้คำว่า unexponential เพื่อสื่อถึงการก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วและเกินกว่าที่คาดคิดได้

โมเดลเหล่านี้กำลังเก่งขึ้นในด้านการเขียนโค้ดอย่างมาก และนั่นทำให้ผลิตภัณฑ์ที่รองรับโมเดลเหล่านี้ต้องมีความยืดหยุ่นและพร้อมพัฒนาไปตามความก้าวหน้าของโมเดล

ข้อคิดที่ Boris ย้ำคือ

“โมเดลที่ทั่วไปและครอบคลุมที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะเสมอ”

นั่นหมายความว่าโมเดลที่มีความสามารถกว้างและปรับตัวได้ดี จะมีข้อได้เปรียบเหนือโมเดลเฉพาะทาง และสิ่งรอบข้างโมเดลก็เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน

 

คำพูดสำคัญของ Boris Cherny เกี่ยวกับโมเดล AI

มุมมองเชิงลึกและการวิเคราะห์เพิ่มเติม

การเล่าประวัติศาสตร์ของการเขียนโปรแกรมและ UX จาก Boris ให้ภาพที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีและประสบการณ์ผู้ใช้ในวงการนี้เปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และเหตุใดจึงสำคัญต่อการพัฒนาระบบ AI ที่เน้นการเขียนโค้ด

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ UX ของการเขียนโปรแกรมไม่ได้เป็นแค่เรื่องของหน้าตาหรือฟีเจอร์ แต่เป็นเรื่องของการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

วิธีการของ Claude Code ที่เน้นความเรียบง่ายและความเป็นกลางจึงเหมาะสมกับยุคนี้ที่ยังไม่มีใครรู้ว่า UX แบบไหนจะเหมาะสมที่สุดในอนาคต การเปิดให้ผู้ใช้ทดลองและปรับแต่งเองถือเป็นการเรียนรู้และพัฒนา UX ที่ดีที่สุดในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน

นอกจากนี้ การที่โมเดล AI กำลังเติบโตแบบ unexponential ทำให้ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และต้องสร้างเครื่องมือที่สามารถปรับเปลี่ยนและขยายตัวได้ง่าย ซึ่ง Claude Code พยายามตอบโจทย์นี้อย่างชัดเจน

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ Boris และทีม Anthropic มองว่าโมเดลที่ทั่วไปและครอบคลุมที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ ทำให้เราเห็นภาพการพัฒนาโมเดล AI ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความสามารถเฉพาะทาง แต่ต้องขยายขอบเขตและการใช้งานให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานที่กว้างขวางในอนาคต

สรุปความสำคัญของ Claude Code ในยุค AI

  • Claude Code เป็นเครื่องมือที่เน้นให้ผู้ใช้เข้าถึงโมเดล AI ได้อย่างลึกซึ้งผ่าน Terminal โดยไม่จำกัดรูปแบบการใช้งาน
  • การออกแบบผลิตภัณฑ์เน้นความเรียบง่ายและความเป็นกลาง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ค้นพบวิธีการใช้งานที่เหมาะสมกับตนเอง
  • การเติบโตของโมเดล AI แบบ unexponential สร้างความท้าทายใหม่ ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และ UX ที่ต้องพร้อมปรับตัวอย่างรวดเร็ว
  • วิวัฒนาการของภาษาโปรแกรมและ UX ในการเขียนโปรแกรมสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่องและก้าวกระโดดในเทคโนโลยี
  • การตรวจสอบโค้ดยุคใหม่เน้นใช้เทคนิค probabilistic และ automation เพื่อรองรับความซับซ้อนของระบบสมัยใหม่

คำศัพท์เฉพาะทางที่น่าสนใจ

  • Claude Code: เครื่องมือที่สร้างโดย Anthropic เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงโมเดล AI ในการเขียนโค้ดผ่าน Terminal
  • Agentic Coding: การเขียนโปรแกรมที่ใช้โมเดล AI ทำงานแทนหรือร่วมกับมนุษย์อย่างอัตโนมัติ
  • Unexponential: การเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วเกินกว่าการเติบโตแบบ exponential ทั่วไป
  • Static Analysis: การวิเคราะห์โค้ดโดยไม่ต้องรันโปรแกรม เพื่อหาข้อผิดพลาดหรือแนะนำโค้ด
  • Live Reload: ฟีเจอร์ที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงโค้ดถูกแสดงผลทันทีโดยไม่ต้องรีสตาร์ทโปรแกรม
  • Probabilistic Verification: วิธีการตรวจสอบความถูกต้องของระบบโดยอาศัยความน่าจะเป็นและการสุ่ม เช่น fuzzing
  • Fuzzing: การทดสอบซอฟต์แวร์โดยการป้อนข้อมูลแบบสุ่มเพื่อหา bug หรือช่องโหว่

บทสรุปจาก Insiderly

การเล่าถึงวิวัฒนาการของการเขียนโปรแกรมและ UX ของเครื่องมือเขียนโค้ดโดย Boris Cherny สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โมเดล AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างซอฟต์แวร์

แนวทางของ Claude Code ที่เน้นความเรียบง่ายและเปิดกว้าง เป็นตัวอย่างที่ดีของการรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ทดลองและค้นพบวิธีการใช้งานที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง

โมเดล AI ที่เติบโตแบบ unexponential ทำให้โลกของการเขียนโปรแกรมและการพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี เครื่องมือ และกระบวนการทำงาน

สุดท้ายนี้ ความเข้าใจในประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของเครื่องมือเขียนโค้ดจะช่วยให้เราเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นใจ และสามารถใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสร้างสรรค์ซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง


Source :

Great! You’ve successfully signed up.

Welcome back! You've successfully signed in.

You've successfully subscribed to บทความและข่าวอัพเดท จาก Insiderly.

Success! Check your email for magic link to sign-in.

Success! Your billing info has been updated.

Your billing was not updated.