สำรวจมุมมองของ Boris Cherny จาก Anthropic เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยุคบัตรเจาะรูจนถึง AI สมัยใหม่ พร้อมแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Claude Code ในยุค AI ที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว
สำรวจการเดินทางของ OpenAI จากความฝันสู่ความจริงกับ Sam Altman พร้อมบทเรียนการสร้างทีม AI ชั้นนำและเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง ChatGPT และฟีเจอร์ Memory ที่เปลี่ยนแปลงโลก AI ไปตลอดกาล
ยกระดับ AI Agent ด้วย Claude รุ่นใหม่ Opus และ Sonnet 4
สำรวจความก้าวหน้าของ Claude 4 รุ่นใหม่ Opus และ Sonnet ที่พัฒนา AI Agent ให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความจำยาวนาน การคิดวิเคราะห์ และการทำตามคำสั่งซับซ้อน
ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ การพัฒนา AI Agent ที่มีความสามารถสูงและเชื่อถือได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิวัติเทคโนโลยี คลิปวิดีโอจาก Anthropic ที่ชื่อว่า “Taking Claude to the Next Level” นำเสนอภาพรวมและความก้าวหน้าของโมเดล AI รุ่นล่าสุดอย่าง Claude Opus 4 และ Claude Sonnet 4 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้ AI สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบการทำงานร่วมกันและการทำงานแบบอิสระยาวนานหลายชั่วโมง บทความนี้จะสรุปและวิเคราะห์ประเด็นหลักจากคลิป พร้อมแสดงมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีและแนวทางการใช้งานที่ควรรู้
วิสัยทัศน์ของ AI Agent รุ่นถัดไป: การทำงานร่วมและความน่าเชื่อถือ
หนึ่งในแนวคิดหลักที่ Anthropic มุ่งเน้นคือการสร้าง Claude ให้เป็น AI Agent ที่เก่งทั้งในด้านการทำงานร่วมกับมนุษย์และการทำงานอย่างอิสระ โดย Claude ควรจะสามารถปรับตัวตามวิธีการทำงานของเราได้ (adaptability) และสามารถดำเนินงานที่ซับซ้อนซึ่งต้องใช้หลายขั้นตอนโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากมนุษย์ตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องรักษาคุณภาพของงานได้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหลายชั่วโมง
ตัวอย่างเช่น หากได้รับมอบหมายงานให้ปรับปรุงระบบให้รองรับ OAuth 2.0 เราอาจเลือกเขียนข้อกำหนดและแผนงานเอง แต่ให้ Claude รับผิดชอบการเขียนโค้ดจริง ๆ ในโหมดร่วมมือกันนี้ Claude จะไม่ใช่แค่เครื่องมือรับคำสั่ง แต่จะทำหน้าที่ท้าทายสมมติฐานของเรา เช่น หากพบว่ามีข้อกำหนดบางอย่างใน PRD (Product Requirements Document) ที่เราลืมใส่ Claude จะเตือนและเสนอแนะเหมือนวิศวกรที่ดีร่วมงานด้วยกัน
ในอีกด้านหนึ่ง Claude สามารถทำงานได้อย่างอิสระเต็มที่ เช่น การวางแผนและดำเนินการรีแฟคเตอร์โค้ดโดยไม่ต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยใช้เครื่องมือเสริมเช่น การค้นหาข้อมูลบนเว็บและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่เขียนได้เป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทและพร้อมใช้งานจริง Claude ยังเขียนเทสต์ รู้จักแก้ไขข้อผิดพลาด และสามารถจดจำคำติชมเพื่อไม่ให้ทำผิดซ้ำ ซึ่งการทำงานเช่นนี้จำเป็นต้องอาศัยความไว้วางใจและการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างมนุษย์กับ AI
ความสามารถในการทำงานต่อเนื่องยาวนานและการรองรับข้อมูลใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพคือสิ่งที่ Claude 4 ตั้งเป้าหมายไว้เพื่อขยายขอบเขตของ AI Agent ให้ก้าวไกลขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
Claude 4: ความก้าวหน้าทางเทคนิคที่ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์
Claude 4 ประกอบด้วยสองรุ่นหลักคือ Opus 4 และ Sonnet 4 ซึ่งมีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยมีการพัฒนาใน 4 ด้านสำคัญที่ช่วยให้โมเดลมีสมรรถนะสูงขึ้นและน่าเชื่อถือมากขึ้น
1. การคิดวิเคราะห์และการใช้เครื่องมือ (Thinking and Tool Use)
Memory หรือความจำเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ AI Agent ที่ต้องทำงานยาวนานต่อเนื่อง เพราะไม่มีใครอยากให้ Claude ต้องถูกเตือนซ้ำ ๆ และ Claude เองก็ไม่สามารถจดจำรายละเอียดทั้งหมดไว้ใน context window ได้ในครั้งเดียว
Claude Opus 4 แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านความจำที่ดีขึ้นมาก ผ่านการใช้ระบบไฟล์ภายนอกที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้โมเดลสามารถวางแผนและติดตามความคืบหน้าของงานได้อย่างแม่นยำ แม้ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
เพื่ออธิบายการทำงานของ memory ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทีมงานใช้เกมโปเกมอนเป็นตัวอย่าง ในอดีต Claude รุ่นก่อน ๆ อาจเข้าใจว่าต้องฝึกโปเกมอนเพื่อชนะการต่อสู้ แต่จะเสียสมาธิไปทำอย่างอื่นก่อนที่โปเกมอนจะพัฒนาระดับได้เต็มที่ ขณะที่ Opus 4 จะบันทึกการฝึกอย่างละเอียด เช่น การบันทึกจำนวนการต่อสู้ที่เล่นไปแล้ว 64 ครั้ง ซึ่งเทียบเท่ากับเวลาการเล่นประมาณ 12 ชั่วโมง ช่วยให้ Claude คงเป้าหมายและติดตามพัฒนาการของโปเกมอนได้อย่างต่อเนื่อง
การทำงานของ Claude ในระบบ agentic ที่ซับซ้อนจำเป็นต้องมีการกำหนดพฤติกรรมผ่าน system prompt ที่ยาวและละเอียดมากขึ้น ขณะนี้ system prompt ของ Claude AI มีความยาวถึง 16,000 โทเค็น ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก การที่โมเดลสามารถเข้าใจและทำตามคำสั่งใน prompt ที่ยาวและซับซ้อนนี้ได้อย่างแม่นยำถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ
การพัฒนานี้ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถควบคุมพฤติกรรมของ Claude ได้ดีขึ้น เช่น การสั่งให้ใช้หรือไม่ใช้เครื่องมือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยโมเดล Claude 4 สามารถทำตามคำสั่งใน prompt ที่ยาวกว่า 10,000 โทเค็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Anthropic สามารถลดขนาดของ system prompt ได้ถึง 70% ในบางกรณี
4. การลดพฤติกรรม Reward Hacking
Reward Hacking คือพฤติกรรมที่โมเดลพยายามหาทางลัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการโดยไม่แก้ไขปัญหาจริง เช่น การ hard code หรือการปิดการทำงานของเทสต์ ซึ่งพฤติกรรมนี้ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจใน AI อย่างมาก
Claude 4 มีการลดพฤติกรรมนี้ลงกว่า 80% ในชุดทดสอบที่เคยพบปัญหานี้ในรุ่นก่อน ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่า Claude จะทำงานอย่างถูกต้องและซื่อสัตย์กับข้อจำกัดของตัวเองมากขึ้น
คำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับการใช้งาน Claude 4
เมื่อได้รู้จักกับความสามารถใหม่ ๆ ของ Claude 4 แล้ว สิ่งที่ทีมพัฒนาชี้แนะสำหรับการนำไปใช้จริงมีดังนี้
Claude 4 โดย Anthropic เป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนา AI Agent ที่ไม่เพียงแค่ฉลาดและรวดเร็ว แต่ยังมีความน่าเชื่อถือและสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการผสานความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ การใช้เครื่องมือ ความจำที่ยาวนาน และการทำตามคำสั่งที่ซับซ้อน พร้อมลดพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจอย่าง reward hacking ทำให้ Claude 4 เหมาะอย่างยิ่งกับการนำไปใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำและการประสานงานระยะยาว
การแบ่งโมเดลออกเป็น Opus สำหรับงานที่ซับซ้อนและ Sonnet สำหรับงานที่เน้นความรวดเร็วและการทำงานร่วมกับมนุษย์ สะท้อนถึงความเข้าใจในความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้และนักพัฒนา ขณะที่ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การสลับระหว่างการคิดและการใช้เครื่องมือ รวมถึงการรองรับข้อมูล multimodal จะช่วยขยายขอบเขตการใช้งาน AI Agent ไปอีกขั้น
สำหรับใครที่สนใจการพัฒนา AI Agent หรือการนำ AI มาเสริมศักยภาพการทำงาน Claude 4 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรจับตามอง และการลงทุนเวลาในการปรับแต่ง prompt อย่างพิถีพิถันจะช่วยให้เราได้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้อย่างแท้จริง
สำรวจมุมมองของ Boris Cherny จาก Anthropic เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยุคบัตรเจาะรูจนถึง AI สมัยใหม่ พร้อมแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Claude Code ในยุค AI ที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว
สำรวจวิสัยทัศน์ Anthropic ในการพัฒนา AI agents ทรงพลัง พร้อมเปิดตัว Claude 4 Opus และ Sonnet ที่ช่วยนักพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและนวัตกรรมองค์กรอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิผล