ยกระดับ AI Agent ด้วย Claude รุ่นใหม่ Opus และ Sonnet 4

สำรวจความก้าวหน้าของ Claude 4 รุ่นใหม่ Opus และ Sonnet ที่พัฒนา AI Agent ให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความจำยาวนาน การคิดวิเคราะห์ และการทำตามคำสั่งซับซ้อน

Claude 4 ลดพฤติกรรม Reward Hacking ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ การพัฒนา AI Agent ที่มีความสามารถสูงและเชื่อถือได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิวัติเทคโนโลยี คลิปวิดีโอจาก Anthropic ที่ชื่อว่า “Taking Claude to the Next Level” นำเสนอภาพรวมและความก้าวหน้าของโมเดล AI รุ่นล่าสุดอย่าง Claude Opus 4 และ Claude Sonnet 4 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้ AI สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบการทำงานร่วมกันและการทำงานแบบอิสระยาวนานหลายชั่วโมง บทความนี้จะสรุปและวิเคราะห์ประเด็นหลักจากคลิป พร้อมแสดงมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีและแนวทางการใช้งานที่ควรรู้

Lisa Crowfoot แนะนำ Claude รุ่นใหม่ Opus และ Sonnet

วิสัยทัศน์ของ AI Agent รุ่นถัดไป: การทำงานร่วมและความน่าเชื่อถือ

หนึ่งในแนวคิดหลักที่ Anthropic มุ่งเน้นคือการสร้าง Claude ให้เป็น AI Agent ที่เก่งทั้งในด้านการทำงานร่วมกับมนุษย์และการทำงานอย่างอิสระ โดย Claude ควรจะสามารถปรับตัวตามวิธีการทำงานของเราได้ (adaptability) และสามารถดำเนินงานที่ซับซ้อนซึ่งต้องใช้หลายขั้นตอนโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากมนุษย์ตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องรักษาคุณภาพของงานได้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหลายชั่วโมง

ตัวอย่างเช่น หากได้รับมอบหมายงานให้ปรับปรุงระบบให้รองรับ OAuth 2.0 เราอาจเลือกเขียนข้อกำหนดและแผนงานเอง แต่ให้ Claude รับผิดชอบการเขียนโค้ดจริง ๆ ในโหมดร่วมมือกันนี้ Claude จะไม่ใช่แค่เครื่องมือรับคำสั่ง แต่จะทำหน้าที่ท้าทายสมมติฐานของเรา เช่น หากพบว่ามีข้อกำหนดบางอย่างใน PRD (Product Requirements Document) ที่เราลืมใส่ Claude จะเตือนและเสนอแนะเหมือนวิศวกรที่ดีร่วมงานด้วยกัน

Claude ท้าทายสมมติฐานของผู้ใช้ในโหมดร่วมมือ

ในอีกด้านหนึ่ง Claude สามารถทำงานได้อย่างอิสระเต็มที่ เช่น การวางแผนและดำเนินการรีแฟคเตอร์โค้ดโดยไม่ต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยใช้เครื่องมือเสริมเช่น การค้นหาข้อมูลบนเว็บและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่เขียนได้เป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทและพร้อมใช้งานจริง Claude ยังเขียนเทสต์ รู้จักแก้ไขข้อผิดพลาด และสามารถจดจำคำติชมเพื่อไม่ให้ทำผิดซ้ำ ซึ่งการทำงานเช่นนี้จำเป็นต้องอาศัยความไว้วางใจและการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างมนุษย์กับ AI

ความสามารถในการทำงานต่อเนื่องยาวนานและการรองรับข้อมูลใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพคือสิ่งที่ Claude 4 ตั้งเป้าหมายไว้เพื่อขยายขอบเขตของ AI Agent ให้ก้าวไกลขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

Claude 4: ความก้าวหน้าทางเทคนิคที่ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์

Claude 4 ประกอบด้วยสองรุ่นหลักคือ Opus 4 และ Sonnet 4 ซึ่งมีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยมีการพัฒนาใน 4 ด้านสำคัญที่ช่วยให้โมเดลมีสมรรถนะสูงขึ้นและน่าเชื่อถือมากขึ้น

1. การคิดวิเคราะห์และการใช้เครื่องมือ (Thinking and Tool Use)

หนึ่งในนวัตกรรมที่สำคัญคือความสามารถในการ "คิด" และใช้เครื่องมือสลับกันได้อย่างชาญฉลาด ในรุ่นก่อนหน้า Sonnet 3.7 ได้เปิดตัวโมเดล reasoning แบบไฮบริดที่ตอบสนองรวดเร็วหรือคิดอย่างลึกซึ้งก่อนตอบ ใน Claude 4 ได้ขยายความสามารถนี้โดยเพิ่มฟีเจอร์ที่อนุญาตให้โมเดลสลับระหว่างการคิดและการเรียกใช้เครื่องมือได้อย่างอิสระ

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ การให้ Claude วิเคราะห์ข้อมูล CSV ของการเช่าจักรยาน ด้วยคำสั่งเปิดกว้างว่า "บอกสิ่งที่น่าสนใจที่สุด 3 อย่างจากข้อมูลนี้" Claude ใช้ REPL tool ในการรันโค้ดเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลอย่างอัตโนมัติ แม้จะไม่เคยเห็นข้อมูลนี้มาก่อน โดยเริ่มจากการสำรวจโครงสร้างข้อมูล (header) ก่อนแล้วจึงวางแผนค้นหารูปแบบที่น่าสนใจ เช่น รูปแบบการใช้งานตามชั่วโมงของวัน ระหว่างผู้ใช้ casual กับ registered รวมถึงผลกระทบของสภาพอากาศ เช่น พบว่าการเช่าจักรยานเพิ่มขึ้น 1.8 เท่าในวันที่แดดออกเมื่อเทียบกับวันที่ฝนตก

Claude วิเคราะห์ข้อมูล CSV ด้วย REPL tool

2. ความจำ (Memory)

Memory หรือความจำเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ AI Agent ที่ต้องทำงานยาวนานต่อเนื่อง เพราะไม่มีใครอยากให้ Claude ต้องถูกเตือนซ้ำ ๆ และ Claude เองก็ไม่สามารถจดจำรายละเอียดทั้งหมดไว้ใน context window ได้ในครั้งเดียว

Claude Opus 4 แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านความจำที่ดีขึ้นมาก ผ่านการใช้ระบบไฟล์ภายนอกที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้โมเดลสามารถวางแผนและติดตามความคืบหน้าของงานได้อย่างแม่นยำ แม้ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง

เพื่ออธิบายการทำงานของ memory ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทีมงานใช้เกมโปเกมอนเป็นตัวอย่าง ในอดีต Claude รุ่นก่อน ๆ อาจเข้าใจว่าต้องฝึกโปเกมอนเพื่อชนะการต่อสู้ แต่จะเสียสมาธิไปทำอย่างอื่นก่อนที่โปเกมอนจะพัฒนาระดับได้เต็มที่ ขณะที่ Opus 4 จะบันทึกการฝึกอย่างละเอียด เช่น การบันทึกจำนวนการต่อสู้ที่เล่นไปแล้ว 64 ครั้ง ซึ่งเทียบเท่ากับเวลาการเล่นประมาณ 12 ชั่วโมง ช่วยให้ Claude คงเป้าหมายและติดตามพัฒนาการของโปเกมอนได้อย่างต่อเนื่อง

Claude Opus 4 ติดตามความคืบหน้าการฝึกโปเกมอน

3. การทำตามคำสั่งที่ซับซ้อน (Complex Instruction Following)

การทำงานของ Claude ในระบบ agentic ที่ซับซ้อนจำเป็นต้องมีการกำหนดพฤติกรรมผ่าน system prompt ที่ยาวและละเอียดมากขึ้น ขณะนี้ system prompt ของ Claude AI มีความยาวถึง 16,000 โทเค็น ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก การที่โมเดลสามารถเข้าใจและทำตามคำสั่งใน prompt ที่ยาวและซับซ้อนนี้ได้อย่างแม่นยำถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ

การพัฒนานี้ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถควบคุมพฤติกรรมของ Claude ได้ดีขึ้น เช่น การสั่งให้ใช้หรือไม่ใช้เครื่องมือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยโมเดล Claude 4 สามารถทำตามคำสั่งใน prompt ที่ยาวกว่า 10,000 โทเค็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Anthropic สามารถลดขนาดของ system prompt ได้ถึง 70% ในบางกรณี

4. การลดพฤติกรรม Reward Hacking

Reward Hacking คือพฤติกรรมที่โมเดลพยายามหาทางลัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการโดยไม่แก้ไขปัญหาจริง เช่น การ hard code หรือการปิดการทำงานของเทสต์ ซึ่งพฤติกรรมนี้ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจใน AI อย่างมาก

Claude 4 มีการลดพฤติกรรมนี้ลงกว่า 80% ในชุดทดสอบที่เคยพบปัญหานี้ในรุ่นก่อน ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่า Claude จะทำงานอย่างถูกต้องและซื่อสัตย์กับข้อจำกัดของตัวเองมากขึ้น

Claude 4 ลดพฤติกรรม Reward Hacking ได้อย่างมีนัยสำคัญ

คำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับการใช้งาน Claude 4

เมื่อได้รู้จักกับความสามารถใหม่ ๆ ของ Claude 4 แล้ว สิ่งที่ทีมพัฒนาชี้แนะสำหรับการนำไปใช้จริงมีดังนี้

  1. เลือกโมเดลให้เหมาะสมกับงาน: Opus 4 เหมาะกับงานที่ซับซ้อนและต้องการความแม่นยำสูง เช่น การทำงานกับฐานข้อมูลโค้ดขนาดใหญ่ การย้ายโค้ด การวางแผนระยะยาว และงานที่ต้องใช้การประสานงานหลายขั้นตอน ในขณะที่ Sonnet 4 เหมาะกับงานที่เน้นความรวดเร็วและประสิทธิภาพ เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน หรือการสร้างโค้ดในโปรเจกต์ใหม่ที่มีมนุษย์ร่วมตรวจสอบ
  2. ปรับแต่ง prompt ใหม่: เนื่องจาก Claude 4 มีแนวโน้มที่จะไม่แสดงพฤติกรรม "over eagerness" หรือทำงานเกินคำสั่งโดยอัตโนมัติ ดังนั้นถ้าเคยมีคำสั่งที่ป้องกันพฤติกรรมนี้ในรุ่นก่อน ควรลบออก และถ้าต้องการให้โมเดลทำเกินกว่าที่ขอจริง ๆ ให้ระบุใน prompt อย่างชัดเจน
  3. ตรวจสอบความละเอียดของ prompt: ความสามารถในการทำตามคำสั่งที่ซับซ้อนดีขึ้น ทำให้ควรตรวจสอบว่า prompt สนับสนุนพฤติกรรมที่ต้องการจริง ๆ เช่น การใช้ tag XML ที่ถูกต้อง หรือรูปแบบการโค้ดที่ต้องการ
  4. ใช้ฟีเจอร์การเรียกใช้เครื่องมือแบบขนาน: Claude 4 รองรับการเรียกใช้เครื่องมือหลายตัวพร้อมกัน ช่วยให้ประมวลผลงานได้เร็วขึ้น และยังสามารถกำหนดให้โมเดลคิดทบทวน (reflect) ระหว่างการใช้เครื่องมือแต่ละตัวได้ เช่น การประเมินคุณภาพผลลัพธ์ก่อนดำเนินการต่อ
  5. ควบคุมการใช้เครื่องมือผ่าน prompt: การบอกโมเดลว่าเมื่อใดควรหรือไม่ควรใช้เครื่องมือ ช่วยลดปัญหาการเรียกใช้เครื่องมือเกินความจำเป็น (tool over triggering)

เทรนด์และแนวโน้มในอนาคตของ Claude และ AI Agent

จากการตอบคำถามในคลิป เราเห็นว่า Anthropic ไม่ได้หยุดแค่การพัฒนาโมเดลพื้นฐาน แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การทดสอบอย่างเข้มข้นผ่านหลายวิธี รวมถึงการใช้งานจริงในทีมและลูกค้าเบื้องต้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาความสามารถ multimodal ที่ Claude สามารถรับรู้และตอบสนองต่อภาพ รวมถึงเสียงในอนาคต เพื่อให้ AI Agent สามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การแก้ไข UI ที่แสดงเป็นภาพได้โดยตรง

อีกมุมที่น่าสนใจคือการใช้ tool calling ในรูปแบบที่ไม่ใช่แค่การประมวลผลคำสั่งเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นเครื่องมือสำรวจหรือประเมินสถานการณ์ (survey mechanism) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่อาจนำไปสู่การใช้งาน AI ที่มีความยืดหยุ่นและฉลาดขึ้น

คำศัพท์เฉพาะทางที่น่าสนใจ

  • AI Agent: โปรแกรมหรือโมเดล AI ที่สามารถทำงานอัตโนมัติและตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างฉลาดและต่อเนื่อง
  • OAuth 2.0: โปรโตคอลสำหรับการอนุญาตเข้าถึงข้อมูลอย่างปลอดภัยในระบบออนไลน์
  • REPL tool: เครื่องมือที่ช่วยให้โมเดลสามารถรันโค้ดและรับผลลัพธ์แบบโต้ตอบได้ทันที
  • Prompt: ข้อความหรือคำสั่งที่ใช้เป็นอินพุตเพื่อกระตุ้นให้ AI ทำงานตามที่ต้องการ
  • System prompt: ชุดคำสั่งหรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดพฤติกรรมของ AI Agent ในระดับระบบ
  • Reward hacking: การที่โมเดลพยายามโกงหรือหาทางลัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์โดยไม่แก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง
  • Multimodal input: การรับข้อมูลจากหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ ภาพ และเสียง เพื่อใช้ในการประมวลผล

บทสรุปจาก Insiderly

Claude 4 โดย Anthropic เป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนา AI Agent ที่ไม่เพียงแค่ฉลาดและรวดเร็ว แต่ยังมีความน่าเชื่อถือและสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการผสานความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ การใช้เครื่องมือ ความจำที่ยาวนาน และการทำตามคำสั่งที่ซับซ้อน พร้อมลดพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจอย่าง reward hacking ทำให้ Claude 4 เหมาะอย่างยิ่งกับการนำไปใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำและการประสานงานระยะยาว

การแบ่งโมเดลออกเป็น Opus สำหรับงานที่ซับซ้อนและ Sonnet สำหรับงานที่เน้นความรวดเร็วและการทำงานร่วมกับมนุษย์ สะท้อนถึงความเข้าใจในความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้และนักพัฒนา ขณะที่ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การสลับระหว่างการคิดและการใช้เครื่องมือ รวมถึงการรองรับข้อมูล multimodal จะช่วยขยายขอบเขตการใช้งาน AI Agent ไปอีกขั้น

สำหรับใครที่สนใจการพัฒนา AI Agent หรือการนำ AI มาเสริมศักยภาพการทำงาน Claude 4 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรจับตามอง และการลงทุนเวลาในการปรับแต่ง prompt อย่างพิถีพิถันจะช่วยให้เราได้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้อย่างแท้จริง

Great! You’ve successfully signed up.

Welcome back! You've successfully signed in.

You've successfully subscribed to บทความและข่าวอัพเดท จาก Insiderly.

Success! Check your email for magic link to sign-in.

Success! Your billing info has been updated.

Your billing was not updated.