Shankar Mahadevan x Music AI | Google Lab Sessions: การเดินทางสู่โลกดนตรีด้วย AI
สำรวจประสบการณ์ของชังการ์ มหาเดวานในโปรเจกต์ Music AI Sandbox จาก Google ที่ช่วยเปิดมิติใหม่ในการสร้างสรรค์ดนตรีด้วย AI พร้อมเจาะลึกฟีเจอร์และการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI ในโลกดนตรียุคใหม่
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การนำ AI เข้ามาช่วยเสริมสร้างสรรค์งานดนตรีถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำงานของศิลปินหลายคน หนึ่งในศิลปินที่โดดเด่นที่สุดในวงการดนตรีอินเดียและโลกคือ ชังการ์ มหาเดวาน (Shankar Mahadevan) ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในวงการดนตรีและมีความหลากหลายในภาษาที่ร้องและแต่งเพลง เช่น ทมิฬ เตลูกู คันนาดา มาลายาลัม ฮินดี และอีกมากมาย เขาได้ร่วมมือกับ Google ในโปรเจกต์ Music AI Sandbox ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ที่ช่วยขยายขอบเขตความคิดสร้างสรรค์ของนักแต่งเพลงและนักดนตรีทั่วโลก บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจการทำงานและประสบการณ์ของชังการ์กับ Music AI Sandbox อย่างละเอียด พร้อมเจาะลึกว่า AI สามารถเปลี่ยนแปลงวงการดนตรีได้อย่างไรบ้าง
Music AI Sandbox: เครื่องมือสร้างสรรค์ดนตรียุคใหม่
เมื่อ Google ติดต่อชังการ์เพื่อทดลองใช้ Music AI Sandbox เขาได้เปิดเผยความรู้สึกแรกถึงความกังวลเกี่ยวกับ AI ที่อาจมาแทนที่ศิลปิน แต่หลังจากได้ทดลองใช้กลับพบว่า AI ไม่ได้มาแทนที่ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มพูนความคิดสร้างสรรค์และเสริมกระบวนการทำงานของเขา
Music AI Sandbox เป็นชุดเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักแต่งเพลงและนักดนตรีในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ โดยมีฟีเจอร์หลัก ๆ ดังนี้:
Transform Feature: ช่วยเปลี่ยนเสียงร้องหรือเสียงเครื่องดนตรีที่ป้อนเข้าไปให้กลายเป็นชิ้นดนตรีใหม่ ด้วย AI ที่เข้าใจและสร้างสรรค์ต่อยอดเสียงต้นฉบับ
ชังการ์แนะนำให้เปิดใจและทดลองเล่นเพื่อดูว่า AI จะพาเราไปที่ไหน เพราะการใช้ AI ในดนตรีไม่ใช่เรื่องที่จะควบคุมได้ทั้งหมด แต่เป็นการร่วมมือระหว่างมนุษย์และเครื่องมือที่มีความชาญฉลาด
ประสบการณ์ร่วมกับ Sandbox ในการสร้างเพลง
ในกระบวนการทำงานร่วมกับ Music AI Sandbox ชังการ์และทีมได้ทดลองใส่เสียงเครื่องดนตรีหลากหลาย เช่น Turkish Oud, Saz, dholak และเสียงสไตล์ Sufi เพื่อดูว่า AI จะสร้างเสียงพื้นหลัง (bed) แบบไหนออกมา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสวยงามและตรงใจมากจนพวกเขาตัดสินใจใช้เสียงเหล่านั้นเป็นพื้นฐานของเพลงใหม่ที่กำลังจะสร้าง
ผลลัพธ์เป็นการผสมผสานระหว่างเมโลดี้แบบดั้งเดิมของดนตรี Sufi กับดนตรีสมัยใหม่ที่ทันสมัย ทำให้เพลงมีความลึกซึ้งและเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างเต็มที่
การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI
ชังการ์อธิบายว่าการทำงานกับ AI เหมือนการเปิดประตูเข้าไปในห้องใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกครั้งที่เปิดประตูเพิ่ม เขาจะได้พบกับโอกาสและไอเดียใหม่ ๆ ที่ช่วยขยายขอบเขตความคิดสร้างสรรค์ของเขา
เขาย้ำว่า AI ไม่ได้มาแทนที่ศิลปิน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ศิลปินสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและได้ทดลองสิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
ศัพท์เทคนิคที่ควรรู้เกี่ยวกับ Music AI Sandbox
Create Feature: ฟังก์ชันใน Sandbox ที่ช่วยสร้างเสียงดนตรีใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีอยู่มาก่อน โดยใช้ AI ในการผสมผสานและสร้างเสียงที่แปลกใหม่
Transform Feature: ฟีเจอร์ที่ช่วยเปลี่ยนเสียงร้องหรือเสียงเครื่องดนตรีที่ป้อนเข้าไปให้กลายเป็นเสียงดนตรีใหม่โดย AI โดยการวิเคราะห์และสร้างเสียงที่มีความสัมพันธ์กับต้นฉบับ
Improvisation (การอิมโพรไวส์): คือการสร้างสรรค์ดนตรีแบบสด ๆ หรือแบบไม่วางแผนล่วงหน้า AI ใน Sandbox ก็สามารถทำการอิมโพรไวส์ร่วมกับศิลปินได้เช่นกัน
Bed (เสียงพื้นหลัง): เสียงดนตรีหรือจังหวะที่ใช้เป็นฐานรองรับเมโลดี้หรือเสียงร้องหลักในเพลง
บทสรุปจาก Insiderly
การผสมผสานระหว่างดนตรีและเทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราคิดและสร้างสรรค์ดนตรีอย่างสิ้นเชิง จากประสบการณ์ของชังการ์มหาเดวานกับ Music AI Sandbox เราเห็นได้ชัดเจนว่า AI ไม่ใช่คู่แข่งของศิลปิน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการแต่งเพลงและสร้างเสียงดนตรีที่ไม่เคยมีมาก่อน
AI ช่วยให้ศิลปินสามารถทดลองไอเดียใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย พร้อมทั้งช่วยขยายขอบเขตความคิดสร้างสรรค์ที่มนุษย์อาจไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน นี่คือก้าวสำคัญของวงการดนตรีที่ทำให้ดนตรีอินเดียและดนตรีทั่วโลกก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ผสมผสานระหว่างประเพณีและเทคโนโลยีอย่างลงตัว
สำหรับนักดนตรีและนักแต่งเพลงที่กำลังมองหาเครื่องมือช่วยเสริมสร้างสรรค์ Music AI Sandbox ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและควรลองเปิดใจทดลองใช้ เพื่อค้นพบโลกใหม่ของเสียงดนตรีที่ไม่รู้จบ
เจาะลึกการเข้าซื้อ Windsurf IDE ของ OpenAI เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาด AI Coding ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือดจาก Google และ Anthropic พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มและบทบาทของ Windsurf ในตลาดองค์กร