และเมื่อข้อมูลอยู่ในจุดที่มันควรอยู่แล้ว หากแพทย์สืบค้นต่อก็จะรู้ได้ทันทีด้วยว่า ณ ตอนนี้ควรต้องรีบรักษาผู้ป่วยท่านใดเป็นหลัก ไม่ใช่ตรวจดูตามลำดับข้อความที่ส่งมาใน LINE ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยบางท่านที่ต้องได้รับการรักษาด่วนอาจจะตกหล่นไป
“นี่คือตัวอย่างง่ายๆ ที่ AI สามารถช่วยยกระดับแวดวงสาธารณสุขได้ทันที และสุดท้ายยังต่อยอดสู่การตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารนานาชาติชั้นนำอีกด้วยครับ” นพ.ปิยะฤทธิ์ ยกตัวอย่าง
ความตื่นตัวด้าน AI ที่ไทย แม้ยังน้อยแต่ก็พอมีหวัง
ดังที่กล่าวว่าปัจจุบัน นพ.ปิยะฤทธิ์ กำลังศึกษาเรื่อง Medical AI ที่ประเทศอังกฤษ การเดินทางข้ามมหาสมุทรหลายพันกิโลเมตรทำให้เขาพบว่า ผู้คนในต่างแดนตื่นตัวเรื่องเทคโนโลยีกันมากเพียงใด ซึ่งมากกว่าที่เมืองไทยอย่างมีนัยสำคัญ
“ที่อังกฤษเขามองว่า สิ่งไหนที่นำมาปรับใช้แล้วเชื่อถือได้ก็จะมีการวางระบบ มีงานวิจัยที่ศึกษาต่อยอดออกมามากมาย นอกจากนั้น ที่นี่ยังเอาบทเรียนเรื่อง AI เข้าไปอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ด้วยครับ ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีการสอนในหลักสูตรอย่างเป็นทางการ”
“เราต้องยอมรับว่า AI นั้นเข้าใกล้เรามากขึ้นเรื่อยๆ และอันที่จริงมันเริ่มเข้ามามีบทบาทในศาสตร์อื่น เช่น สายการเงิน (Finance) มากแล้ว เป็นต้น”
อีกสิ่งที่ นพ.ปิยะฤทธิ์ พบก็คือวงการสาธารณสุขไทยยังหวาดกลัวว่า AI จะทำให้หมอตกงาน และถ้าเอามาใช้รักษาคนไข้เต็มตัว จะเชื่อมั่นได้จริงหรือไม่ ทั้งที่หากเทียบข้อดีข้อเสียกันแล้ว ประโยชน์ที่ได้จากการใช้ AI นั้นย่อมมีมากกว่า ทั้งช่วยรักษาคนไข้ได้มากขึ้น และแบ่งเบาภาระได้มากขึ้น
เพิ่มมูลค่าตัวเองด้วยการใช้ AI ป้องกันไม่ให้ใครมาแย่งงาน
แม้จะสนับสนุนให้เอา AI มาช่วยงานแพทย์ แต่ นพ.ปิยะฤทธิ์ ย้ำเตือนตลอดว่าถึง AI จะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น สะดวกขึ้น แต่ผู้ใช้งานต้องอย่าเชื่อข้อมูลจาก AI 100 เปอร์เซ็นต์โดยไม่ตรวจสอบก่อน
นพ.ปิยะฤทธิ์ ยกตัวอย่างการใช้ AI สร้างภาพ Computer Vision ด้วยข้อมูลจากฟิล์มเอกซเรย์ของคนไข้ว่า หากในรูปมีรอย มีขีด หรือมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเพียงนิดเดียว AI ก็อาจตีความภาพนั้นผิดทันที (Computer Vision คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถมองเห็น เข้าใจ จดจำ วิเคราะห์ และอธิบายภาพได้)
นอกจากจะเป็นนักเรียนทุนและเป็นว่าที่อาจารย์หมอจากโรงพยาบาลศิริราช นพ.ปิยะฤทธิ์ ยังเป็นหัวหน้าทีม และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ PreceptorAI ที่มีเป้าหมายว่าจะนำ Medical AI มาช่วยงานแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพในบ้านเกิดเมืองนอน
“ที่ผ่านมา เวลาเทรน AI จะใช้ฐานข้อมูลจากทางตะวันตก แต่บ่อยครั้งข้อมูลเหล่านั้นไม่สามารถปรับใช้กับบริบทของสังคมไทยหรือบริบทของอาเซียนได้ PreceptorAI จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยยกระดับการรักษาคนไข้ในระดับประเทศและระดับภูมิภาคไปอีกขั้นครับ”
คุณหมอยังเผยอีกว่า นอกจากการให้ข้อมูลทางการแพทย์ผ่านทาง LINE Official หรือเว็บไซต์ที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ ทางทีมงานกำลังดำเนินการขออนุญาตองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ISO และ อย. เพื่อจะนำระบบของ Preceptor AI เข้าไปเชื่อมต่อโดยตรงกับโรงพยาบาล เพื่อช่วยทำให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้งานได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานง่ายขึ้นด้วย
“ธุรกิจด้าน Medical AI ไม่เพียงช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต แต่ยังช่วยลดการทำงานหนักของบุคลากรทางการแพทย์ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งประเทศได้อย่างเห็นผลครับ”
เจาะลึกการเข้าซื้อ Windsurf IDE ของ OpenAI เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาด AI Coding ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือดจาก Google และ Anthropic พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มและบทบาทของ Windsurf ในตลาดองค์กร