Introducing GPT-5: ก้าวใหม่ของ AI ที่ฉลาดและเก่งกว่าเดิม
พบกับ GPT-5 รุ่นล่าสุดจาก OpenAI ที่พัฒนา AI ให้ฉลาดขึ้น รวดเร็วขึ้น และน่าเชื่อถือมากกว่าเดิม พร้อมความสามารถ reasoning, การสร้างซอฟต์แวร์ และใช้งานฟรีผ่าน ChatGPT
พบกับ GPT-5 รุ่นล่าสุดจาก OpenAI ที่พัฒนา AI ให้ฉลาดขึ้น รวดเร็วขึ้น และน่าเชื่อถือมากกว่าเดิม พร้อมความสามารถ reasoning, การสร้างซอฟต์แวร์ และใช้งานฟรีผ่าน ChatGPT
หลังจากที่เราได้เห็นวิวัฒนาการของ ChatGPT มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัวเมื่อกว่า 32 เดือนก่อน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่โลก AI จะได้ตื่นตาตื่นใจกับ GPT-5 รุ่นล่าสุด ที่เปิดตัวพร้อมความสามารถที่ก้าวกระโดดเหนือรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน คลิปวิดีโอที่เพิ่งชมจบจาก OpenAI นำเสนอภาพรวมและเดโมการใช้งาน GPT-5 ที่ทำให้เราเห็นว่า AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือช่วยตอบคำถามอีกต่อไป แต่กลายเป็นเพื่อนร่วมงานระดับ PhD ที่ช่วยเขียนโค้ด วางแผนชีวิต และแม้แต่ช่วยตัดสินใจเรื่องสุขภาพได้อย่างน่าทึ่ง
GPT-5 ถือเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จาก GPT-4 ที่เคยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ AI ในการประมวลผลภาษาและการให้คำตอบที่มีเหตุผล โดย GPT-5 ไม่เพียงแค่ฉลาดและตอบเร็วขึ้น แต่ยังมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งและมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าเดิมมาก
เปรียบเทียบง่ายๆ GPT-3 นั้นเหมือนนักเรียนมัธยมปลายที่บางครั้งแสดงความฉลาด แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดและข้อจำกัด GPT-4 เหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีความรู้จริงจังและใช้งานได้ แต่ GPT-5 นั้นเหมือนผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอกที่พร้อมให้คำปรึกษาในทุกเรื่องแบบ on demand
จุดเด่นสำคัญของ GPT-5 คือมันไม่ได้เป็นแค่ AI ที่ตอบคำถาม แต่สามารถสร้างซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมจากศูนย์ได้ตามคำสั่งของผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นการเปิดยุคสมัยใหม่ของ “ซอฟต์แวร์ตามสั่ง” ที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราทำงานและเรียนรู้โดยสิ้นเชิง
Mark Chen หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ OpenAI อธิบายว่า GPT-5 ใช้เทคนิค reasoning ที่ทำให้ AI หยุดคิดและวิเคราะห์ก่อนตอบคำถาม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโปรแกรม AGI (Artificial General Intelligence) ที่ OpenAI กำลังพัฒนา
ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะใช้ GPT รุ่นมาตรฐานที่ตอบเร็ว หรือใช้ reasoning models ที่ช้ากว่าแต่ฉลาดกว่า แต่ GPT-5 แก้ปัญหานี้โดยคิด “พอดี” เพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุดอย่างรวดเร็ว
ความท้าทายของการพัฒนา GPT-5 คือการทำให้โมเดลนี้ฉลาดที่สุด รวดเร็วที่สุด และเชื่อถือได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเห็นได้ชัดจากการสาธิตในหลายด้าน เช่น การเขียนโค้ด การเขียนเนื้อหา การเรียนรู้ และการให้คำแนะนำด้านสุขภาพ
Max Schwarzer หัวหน้าทีมหลังการฝึกสอนโมเดลเผยว่า GPT-5 ทำคะแนนได้สูงสุดในหลายการทดสอบเชิงวิชาการและการใช้งานจริง ตัวอย่างเช่น
นอกจากนี้ GPT-5 ยังมีความน่าเชื่อถือสูง ลดข้อผิดพลาดและการสร้างข้อมูลเท็จ (hallucination) ที่เป็นปัญหาของโมเดลภาษาเดิมๆ โดยเฉพาะในคำถามที่เปิดกว้างหรือซับซ้อน
เรื่องสุขภาพก็ได้รับการพัฒนาอย่างมาก GPT-5 เป็นโมเดลที่ดีที่สุดในด้านการตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ ตามการทดสอบ HealthBench ที่สร้างร่วมกับแพทย์กว่า 250 คน
Renee Song จากทีมวิศวกรรมเผยว่า GPT-5 จะเปิดให้ใช้งานในแอป ChatGPT สำหรับผู้ใช้ฟรี ผู้ที่สมัคร Plus และทีมงาน รวมถึงจะขยายไปยังองค์กรและภาคการศึกษาในสัปดาห์ถัดไป
ผู้ใช้ฟรีจะเริ่มต้นด้วย GPT-5 และเมื่อใช้งานจนถึงขีดจำกัด จะเปลี่ยนไปใช้ GPT-5 Mini รุ่นเล็กที่ยังคงทรงพลัง ส่วนผู้สมัคร Plus จะได้รับการใช้งานไม่จำกัดและสามารถเลือกใช้ GPT-5 Pro ที่มีการคิดวิเคราะห์ลึกซึ้งขึ้น
ฟีเจอร์เดิมๆ อย่างการค้นหา อัปโหลดไฟล์และภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Python การสร้างภาพ และฟีเจอร์ memory จะยังคงทำงานได้ดีขึ้นบน GPT-5
หนึ่งในเดโมที่โดดเด่นคือการช่วยเด็กเรียนฟิสิกส์เรื่อง Bernoulli Effect โดย GPT-5 ไม่เพียงอธิบายแนวคิดอย่างชัดเจน แต่ยังสร้างภาพเคลื่อนไหวแบบ SVG เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งแสดงถึงความสามารถ reasoning และการประมวลผลแบบมัลติโมดัล (ภาพและข้อความ)
เดโมนี้ยังแสดงให้เห็นว่า GPT-5 จะคิดวิเคราะห์ลึกขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเจอคำถามที่ซับซ้อน และหากต้องการให้คิดหนักขึ้นก็สามารถสั่งได้ หรือถ้าเป็นผู้ใช้แบบพรีเมียมสามารถเลือกใช้โหมดคิดวิเคราะห์ลึกได้เลย
Christina Kaplan เล่าถึงช่วงเริ่มต้นของ ChatGPT ที่ยังไม่สมบูรณ์และมักตอบคำถามด้วยประโยคปฏิเสธ แต่วันนี้ GPT-5 ทำให้ AI มีบุคลิกที่เป็นมิตรและตอบสนองเหมือนเพื่อนที่ฉลาดทั้ง IQ และ EQ
Elaine Ya Le แสดงให้เห็นว่า GPT-5 สามารถเขียนโค้ดหน้าจอแอปพลิเคชันได้มากกว่า 300 บรรทัดในเวลาไม่กี่นาที และโค้ดนั้นสามารถรันได้จริง พร้อมอินเทอร์แอคทีฟที่เปลี่ยนค่าและแสดงผลได้ทันที
GPT-5 ไม่ได้เก่งแค่โค้ด แต่ยังช่วยยกระดับงานเขียนได้ดีขึ้นมาก Jan และทีมงานเน้นว่า GPT-5 สามารถเขียนเนื้อหาที่มีจังหวะและความรู้สึกเหมือนเขียนโดยมนุษย์จริงๆ ต่างจาก GPT-4 ที่มักให้คำตอบแบบแม่แบบทั่วไป
ตัวอย่างเช่น การเขียนไว้อาลัยให้โมเดลรุ่นเก่าของ ChatGPT ที่ GPT-5 สามารถสื่อสารได้อย่างอบอุ่นและลึกซึ้งมากกว่า สร้างความรู้สึกว่ากำลังคุยกับเพื่อนที่ฉลาดและเข้าใจเรา
Jan แสดงเดโมการสร้างเว็บแอปสอนภาษาฝรั่งเศสสำหรับคู่รักที่ไม่เคยเขียนโค้ดมาก่อน GPT-5 สร้างโค้ดกว่า 240 บรรทัด รวมถึงเกม Snake ที่เปลี่ยนเป็นเมาส์กินชีส พร้อมเสียงออกเสียงคำศัพท์ฝรั่งเศสเพื่อฝึกพูด
จุดเด่นคือ GPT-5 สามารถแก้ไขและปรับเปลี่ยนโค้ดได้ตามคำสั่ง ถ้าส่วนไหนไม่ถูกใจ แค่บอกให้แก้ไขก็ทำได้ทันที ทำให้การสร้างแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่ายและสนุก
Worshane และทีมพัฒนาเสียงของ GPT-5 เน้นว่าเสียงพูดของ AI ตอนนี้ฟังเป็นธรรมชาติมากขึ้น มีวิดีโอที่เห็นภาพประกอบขณะพูด และสามารถแปลภาษาพร้อมรักษาน้ำเสียงได้อย่างลื่นไหล
เสียงนี้เปิดให้ผู้ใช้ฟรีคุยได้นานหลายชั่วโมง ส่วนผู้ใช้พรีเมียมได้เกือบไม่จำกัด และยังสามารถปรับแต่งน้ำเสียงให้เหมาะกับสไตล์การสื่อสารของแต่ละคน เช่น ตอบแบบสั้นหรือยาว หรือมีอารมณ์ขัน
ฟีเจอร์เรียนรู้ด้วยเสียงช่วยให้ผู้ใช้ฝึกภาษาได้ง่ายขึ้น เช่น การฝึกพูดภาษาเกาหลีที่ AI ปรับระดับความเร็วคำพูดให้เหมาะกับผู้เริ่มต้นจนถึงระดับเร็วเหมือนเจ้าของภาษา
Christina Kaplan เล่าเรื่องฟีเจอร์ memory ที่ช่วยให้ ChatGPT เรียนรู้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น กิจกรรมหรือเป้าหมายชีวิต ทำให้ AI สามารถช่วยวางแผนรายวันอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น การวางแผนตารางวิ่งมาราธอนที่ GPT-5 สามารถดึงข้อมูลจาก Gmail และ Google Calendar เพื่อจัดตารางได้อย่างชาญฉลาดและตอบโจทย์
ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้กับผู้ใช้ Pro ก่อน และขยายไปยังทีมและองค์กรในภายหลัง
Sachi และ Sebastian อธิบายว่าทีมงานให้ความสำคัญกับการลด hallucination และ deception หรือการให้ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนความจริง โดย GPT-5 มีระบบ “safe completions” ที่ไม่ตัดสินผู้ใช้ก่อนตอบ แต่พยายามให้คำตอบที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ในขอบเขตที่เหมาะสม
ตัวอย่างเช่น คำถามเกี่ยวกับการจุดไฟ Pyrogen ที่อาจนำไปใช้ในทางที่ผิด GPT-3 จะตอบหรือปฏิเสธอย่างสุดโต่ง แต่ GPT-5 จะอธิบายเหตุผลและแนะนำแนวทางความปลอดภัยแทน
นอกจากนี้ GPT-5 ยังใช้ข้อมูลสังเคราะห์ที่สร้างจากโมเดลก่อนหน้า เพื่อสร้างหลักสูตรการเรียนรู้ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้ AI พัฒนาความรู้และ reasoning ได้รวดเร็วกว่าเดิม
หนึ่งในกรณีใช้งานที่สำคัญของ GPT-5 คือการช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจรายงานทางการแพทย์และตัดสินใจเรื่องสุขภาพ Felipe และ Carolina แชร์ประสบการณ์ที่ Carolina ได้รับการวินิจฉัยมะเร็งหลายชนิดในเวลาเดียวกัน
ในช่วงเวลาที่ตื่นตระหนก Carolina ใช้ ChatGPT ช่วยแปลรายงานทางการแพทย์เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ซึ่งช่วยให้เธอเตรียมตัวพูดคุยกับแพทย์ได้ดีขึ้น
ต่อมา GPT-5 ยังช่วยวิเคราะห์ตัวเลือกการรักษาและให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมกว่าการปรึกษาแพทย์เพียง 30 นาที ทำให้ Carolina รู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจที่มีผลกระทบตลอดชีวิต
เรื่องนี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือค้นพบสิ่งใหม่ แต่ยังช่วยสร้างผู้ป่วยที่มีความรู้และสามารถมีส่วนร่วมกับการดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่
Greg Brockman ประธานบริษัท OpenAI เน้นว่า GPT-5 จะเร่งการเปลี่ยนแปลงในวงการซอฟต์แวร์ การเขียนโค้ดด้วย AI หรือที่เรียกว่า “vibe coding” จะก้าวไปอีกขั้น เพราะ GPT-5 สามารถทำงานที่ซับซ้อนและยาวนานกว่าเดิม ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและมีคุณภาพสูง
GPT-5 มีความสามารถสูงในการทำงานเชิง agentic หรือการทำงานอัตโนมัติที่สอดคล้องกับคำสั่งของผู้ใช้ ผ่านการเรียกใช้งานเครื่องมือต่างๆ และการประมวลผลหลายขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ
Michelle Pokrass หัวหน้าทีมวิจัยหลังการฝึกสอนโมเดล บอกว่าตอนนี้ OpenAI เปิด API ให้ใช้ GPT-5 พร้อมรุ่นย่อย Mini และ Nano ที่มีความเร็วและราคาที่หลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับงานและงบประมาณของแต่ละแอปพลิเคชัน
ฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น custom tools ที่รองรับการเรียกฟังก์ชันแบบข้อความอิสระ (free form text) ช่วยแก้ปัญหาเรื่อง JSON ที่ซับซ้อน รวมถึง preambles ก่อนเรียกใช้เครื่องมือ ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสิ่งที่โมเดลกำลังจะทำ
นอกจากนี้ยังมีพารามิเตอร์ verbosity ที่ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าอยากได้คำตอบแบบสั้น กลาง หรือยาว เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบ
ในด้านโค้ดดิ้ง GPT-5 ทำคะแนนสูงสุดในหลาย benchmark เช่น Sweebench, Polyglot และ Tau Squared ที่วัดความสามารถในการเรียกใช้เครื่องมือและแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
Adi Ganesh และ Brian Fioca แสดงให้เห็นว่า GPT-5 สามารถทำหน้าที่เป็นคู่เขียนโค้ด (pair programmer) ที่เข้าใจวิธีการทำงานของนักพัฒนา ทั้งในเรื่องการสื่อสาร การวางแผน และการแก้ไขบั๊กได้อย่างน่าเชื่อถือ
GPT-5 จะแจ้งแผนการทำงานก่อนเริ่มลงมือ และอัปเดตสถานะระหว่างแก้ไขบั๊ก รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการตามคำติชมของผู้ใช้ได้ ทำให้การเขียนโค้ดร่วมกับ AI เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ GPT-5 สามารถแก้ไขบั๊กที่ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถแก้ได้ภายในเวลาสั้นๆ และยังสามารถรันเทสต์และตรวจสอบโค้ดด้วยตัวเองก่อนส่งมอบงาน
อีกหนึ่งเดโมที่น่าประทับใจคือการสร้างแดชบอร์ดสำหรับ CFO ของสตาร์ทอัพ GPT-5 ใช้เวลาสร้างแอปที่สวยงามและมีฟีเจอร์ครบถ้วนในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งถ้าเป็นนักพัฒนาทั่วไปอาจต้องใช้เวลาหลายวัน
GPT-5 ไม่เพียงเขียนโค้ด แต่ยังคิดเรื่องการออกแบบเชิงสุนทรียศาสตร์ เช่น การเลือกใช้สี ฟอนต์ และการจัดวางองค์ประกอบให้เหมาะสม ทำให้ได้ UI ที่ดูดีและใช้งานง่ายโดยไม่ต้องสั่งละเอียด
ความสามารถนี้แสดงให้เห็นว่า AI รุ่นนี้ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และประหยัดเวลาได้จริง
สำหรับความสนุก GPT-5 ยังสร้างเกม 3D ในธีมปราสาทที่มีรายละเอียดสูง เช่น ทหารเดินลาดตระเวน ปืนใหญ่ยิง และมินิเกมยิงบอลลูน พร้อมเสียงเอฟเฟกต์ที่สมจริง
นอกจากความสามารถด้านเทคนิค GPT-5 ยังแสดงความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจบริบทของเกม ทำให้สามารถพูดคุยกับตัวละครในเกมและตอบคำถามได้อย่างมีชีวิตชีวา
นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า GPT-5 ไม่ใช่แค่ AI ที่ตอบคำถาม แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยเปิดโลกจินตนาการและสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง
Michael Truel CEO ของ Cursor เล่าประสบการณ์การใช้งาน GPT-5 ว่าโมเดลนี้เข้าใจโค้ดเบสขนาดใหญ่และความซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว สามารถบอกเหตุผลและการตัดสินใจที่ทีมงานทำไว้ล่วงหน้าได้เหมือนนักพัฒนาอาวุโส
เขายังชื่นชมความรวดเร็วและความสามารถในการสื่อสารของ GPT-5 ที่ทำให้การทำงานร่วมกับ AI เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้ดีขึ้น
สำหรับธุรกิจ GPT-5 ถูกมองว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญในกระเป๋า” ที่พร้อมช่วยในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย การเงิน หรือการวิเคราะห์ข้อมูล
Olivier Godement หัวหน้าฝ่ายแพลตฟอร์มของ OpenAI เน้นว่าการนำ GPT-5 ไปใช้ในองค์กรและภาครัฐ เป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมหลัก เช่น สุขภาพ การศึกษา พลังงาน และการเงิน
ตัวอย่างเช่น Amgen ใช้ GPT-5 ในการออกแบบยาใหม่ BBVA ใช้สำหรับวิเคราะห์การเงิน และ Oscar ใช้ GPT-5 เพื่อช่วยการวินิจฉัยทางคลินิก ซึ่งทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า GPT-5 เร็วและแม่นยำกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีข่าวดีสำหรับพนักงานรัฐบาลสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านคนที่จะสามารถใช้ GPT-5 ผ่าน ChatGPT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบริการสาธารณะ
GPT-5 พร้อมให้บริการผ่าน API แล้ววันนี้ โดยมีสามรุ่น ได้แก่ GPT-5, GPT-5 Mini และ GPT-5 Nano ที่มีความเร็วและราคาต่างกัน รุ่น Nano มีราคาถูกกว่ารุ่นหลักถึง 25 เท่า เหมาะสำหรับแอปที่ต้องการประหยัดงบประมาณแต่ยังได้ประสิทธิภาพดี
ราคาของ GPT-5 อยู่ที่ 1.25 ดอลลาร์สำหรับล้านโทเคนอินพุตและเอาต์พุต ส่วนรุ่น Mini และ Nano จะมีราคาที่ถูกลงและทำงานได้เร็วขึ้น
Jakub Pachocki หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ OpenAI สรุปว่าทีมงานทุ่มเทเพื่อทำความเข้าใจเทคโนโลยี deep learning อย่างลึกซึ้งและพัฒนา GPT-5 ให้ปลอดภัยและใช้งานได้จริง
โมเดลนี้เป็นผลจากการวิจัยหลายปีและการทดลองหลายรูปแบบที่นำไปสู่การเข้าใจและควบคุม AI ให้เหมาะสมกับมนุษย์
Jakub มองว่า GPT-5 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่ AI จะช่วยค้นพบความรู้ใหม่ๆ และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในทางที่ดีขึ้น