ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเข้ามามีบทบาทในทุกแง่มุมของชีวิต Lyft ได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่น่าสนใจสำหรับคนขับรถอย่าง Earnings Assistant ซึ่งเป็น AI-powered tool ที่ออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งยากในการตัดสินใจว่าเมื่อไรและที่ไหนควรขับรถให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด โดยใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์และข้อมูลย้อนหลัง เช่น ตารางเที่ยวบินที่สนามบิน เหตุการณ์ท้องถิ่น และช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง (Turbo times) เพื่อช่วยให้คนขับมีข้อมูลและแผนการขับที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ฟีเจอร์หลักของ Earnings Assistant ที่ช่วยเพิ่มรายได้
Earnings Assistant มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คนขับวางแผนการขับได้อย่างชัดเจนและมั่นใจมากขึ้น โดยฟีเจอร์สำคัญมีดังนี้:
- แผนการขับขี่ส่วนบุคคล (Personalized Plans) — คนขับสามารถสร้างแผนการขับสำหรับช่วงเวลาที่จะขับได้โดยอิงจากตารางเวลาและความชอบส่วนตัว ทำให้รู้ว่าควรขับที่ไหนและเมื่อไรเพื่อให้ได้รายได้สูงสุด
- แจ้งเตือนทีละขั้นตอน (Step-by-step Reminders) — ระบบจะส่งแจ้งเตือนสำหรับแต่ละขั้นตอนของแผนการขับ เพื่อให้คนขับไม่พลาดโอกาสสำคัญและสามารถโฟกัสกับการขับและรับรายได้ได้เต็มที่
- คำแนะนำแบบเรียลไทม์ (Real-time Guidance) — คนขับสามารถเปิด Earnings Assistant เพื่อรับคำแนะนำทันทีว่าในตอนนี้ควรทำอะไร เช่น ควรย้ายไปพื้นที่ไหน หรือควรรอรับงานที่ไหนเพื่อเพิ่มรายได้

การเปิดให้ลงทะเบียนและฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ของ Lyft
Lyft เปิดให้คนขับลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์เข้าถึง Earnings Assistant ก่อนใครผ่านการเข้าร่วมใน waitlist ซึ่งเริ่มเปิดในวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ Lyft ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์อื่นๆ ที่สนับสนุนคนขับ เช่น:
- Driver Accomplishment Letter — จดหมายส่วนบุคคลที่สรุปผลการทำงานของคนขับ รวมถึงคำชมเชย คะแนนรีวิว และระยะเวลาที่ขับให้ Lyft โดยจดหมายนี้สร้างขึ้นด้วย AI และสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านแอปฯ
- Lyft Rewards ใหม่ — ระบบสะสมแต้มสำหรับคนขับในหลายภูมิภาคของสหรัฐฯ ซึ่งสะสมแต้มจากทุกการเดินทางและสามารถแลกเป็นเงินสด บัตรของขวัญ หรือบริการดูแลรถผ่าน Lyft Shop ในแอปใหม่
มุมมองเกี่ยวกับ Earnings Assistant จากคนขับ Lyft
เครื่องมือ AI เช่น Earnings Assistant ถือเป็นก้าวสำคัญที่ Lyft ลงทุนเพื่อช่วยให้คนขับประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ยังมีข้อควรระวัง เพราะมีความเป็นไปได้ที่ข้อมูลหรือคำแนะนำที่ได้อาจไม่สมบูรณ์หรือมีความคลาดเคลื่อน ซึ่งเคยเกิดขึ้นกับบางเครื่องมือ AI อื่นๆ ที่ต้องถูกถอดออกชั่วคราวเนื่องจากให้ข้อมูลที่ผิดพลาด
สำหรับคนขับที่อาจไม่คุ้นเคยกับสภาพในพื้นที่ตนเอง Earnings Assistant จะช่วยลดความไม่แน่นอนและเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจขับรถ
แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และติดตามข้อมูลได้ดีอยู่แล้ว เครื่องมือ AI นี้อาจไม่ได้เพิ่มมูลค่ามากนัก เพราะ Lyft เองก็มีฟีเจอร์แจ้งเตือนเหตุการณ์ในแอปอยู่แล้ว เช่น ตารางเที่ยวบินสนามบิน หรือกิจกรรมใหญ่ในสนามกีฬาและสถานที่จัดงานประชุม
ข้อจำกัดของ Earnings Assistant ในการครอบคลุมข้อมูลกิจกรรม
หนึ่งในข้อจำกัดที่ Earnings Assistant อาจเผชิญคือการไม่สามารถจับข้อมูลกิจกรรมท้องถิ่นที่หลากหลายได้ครบถ้วน เช่น คอนเสิร์ตเล็กๆ งานแสดงรถ หรือเทศกาลท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งมักเป็นโอกาสดีในการเพิ่มรายได้สำหรับคนขับ
การรู้ล่วงหน้าว่ามีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นในพื้นที่จะช่วยให้วางแผนการขับได้ดียิ่งขึ้น
ดังนั้น การใช้แหล่งข้อมูลเสริม เช่น Facebook Events หรือ Meta AI ของ Facebook ที่สามารถค้นหากิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 500 คนในพื้นที่นั้นๆ จะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและแม่นยำกว่า ตัวอย่างเช่น การถาม Meta AI ว่ามีกิจกรรมใดบ้างในวันนี้ในพื้นที่ใกล้เคียง จะช่วยให้รู้เวลาสิ้นสุดของกิจกรรมเหล่านั้น และสามารถวางแผนไปรอรับผู้โดยสารในช่วงเวลาที่เหมาะสม
การใช้แอปพลิเคชันเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับ
นอกจาก Earnings Assistant แล้ว ยังมีแอปพลิเคชันอื่นที่ช่วยคนขับวิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนขับได้ดียิ่งขึ้น เช่น Solo และ GridWise ซึ่งรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์และข้อมูลย้อนหลังจากหลายแหล่งข้อมูล ทำให้คนขับได้ภาพรวมที่ชัดเจนและสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
แอปเหล่านี้จะช่วยให้คนขับรู้ช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง พื้นที่ที่มีผู้โดยสารมาก หรือช่วงเวลาที่มีคนขับน้อย ทำให้สามารถเลือกพื้นที่ขับที่เหมาะสมและเพิ่มรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับฟีเจอร์ Earnings Assistant
แม้ Earnings Assistant จะเป็นเครื่องมือที่ดี แต่ยังมีโอกาสพัฒนาในแง่ของการตั้งค่าตัวกรอง (filters) เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคนขับมากขึ้น เช่น การตั้งเงื่อนไขไม่รับงานที่จ่ายต่ำกว่าระดับที่กำหนด หรือไม่รับงานที่ได้เงินน้อยกว่า 8 ดอลลาร์ต่อเที่ยว หรือไม่รับงานที่รายได้ต่อชั่วโมงต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ เป็นต้น
การมีตัวกรองเหล่านี้จะช่วยให้คนขับสามารถคัดเลือกงานขับที่คุ้มค่ากับเวลามากที่สุด และลดการเสียเวลาไปกับงานที่รายได้ไม่ดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการขับได้มากขึ้น
คำศัพท์เทคนิคที่ควรรู้
- AI (Artificial Intelligence) — ปัญญาประดิษฐ์ หรือเทคโนโลยีที่ช่วยให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้และทำงานเหมือนมนุษย์
- Real-time data — ข้อมูลที่ถูกอัปเดตทันทีในเวลาที่เกิดเหตุการณ์จริง
- Historical data — ข้อมูลย้อนหลังที่เก็บรวบรวมไว้ในอดีต
- Turbo times — ช่วงเวลาที่มีความต้องการผู้โดยสารสูง ทำให้ได้ค่าตอบแทนมากขึ้น
- Personalized plans — แผนการขับที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการและตารางเวลาของแต่ละคนขับ
- Filters — ตัวกรองหรือเงื่อนไขที่ช่วยจำกัดข้อมูลหรือการเลือกงานให้ตรงกับความต้องการ
บทสรุปจาก Insiderly
เครื่องมือ AI Earnings Assistant ของ Lyft ช่วยคนขับวางแผนขับรถและเพิ่มโอกาสทำรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ข้อมูลเรียลไทม์และข้อมูลย้อนหลังเพื่อให้คำแนะนำที่มีประโยชน์
อย่างไรก็ตาม การพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากกิจกรรมท้องถิ่นบางอย่างอาจไม่ได้รับการอัปเดตครบถ้วน คนขับจึงควรใช้ Earnings Assistant ร่วมกับข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น Facebook Events หรือแอปพลิเคชันวางแผนขับ เช่น Solo และ GridWise เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น
สุดท้าย การพัฒนาให้ Earnings Assistant มีฟีเจอร์กรองงานตามเกณฑ์รายได้หรือระยะทาง จะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าและประสิทธิภาพให้กับคนขับอย่างมาก
โดยรวมแล้ว Lyft Earnings Assistant เป็นการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับรถรับส่งผู้โดยสาร แต่ควรใช้ร่วมกับแหล่งข้อมูลอื่นเพื่อการวางแผนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
หาก Lyft สามารถพัฒนาฟีเจอร์กรองงานตามความต้องการส่วนบุคคลได้ จะช่วยให้คนขับเลือกงานที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับเป้าหมายรายได้ได้ดียิ่งขึ้น Earnings Assistant มีศักยภาพสูงในการช่วยคนขับปรับตัวในโลกขับรถรับส่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้