เรียนรู้วิธีใช้ ChatGPT สร้างภาพกราฟิกที่สอดคล้องกับแบรนด์
เรียนรู้วิธีใช้ AI สร้างภาพกราฟิกสอดคล้องแบรนด์ผ่าน ChatGPT ช่วยลดต้นทุนและเวลา พร้อมเพิ่มความสร้างสรรค์สำหรับทุกธุรกิจ แม้ไม่มีทีมดีไซน์ก็สร้างภาพมืออาชีพได้ทันที
สำรวจบทสนทนากับ Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA ที่เผยมุมมองลึกซึ้งเกี่ยวกับ AI การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ ผลกระทบต่อแรงงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรนวัตกรรม
ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว Jensen Huang ซีอีโอผู้ก่อตั้ง NVIDIA ได้เปิดเผยมุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งต่อไป ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และการประมวลผลแบบเร่งความเร็ว (accelerated computing) ผ่านการสนทนากับ Michael Milken ประธานสถาบัน Milken Institute บทความนี้จะช่วยสรุปแนวคิดและวิสัยทัศน์ที่สำคัญเกี่ยวกับ AI ในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การสร้าง AI, ผลกระทบต่อแรงงาน, ไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรนวัตกรรมใน NVIDIA
Jensen Huang เริ่มต้นด้วยการยืนยันว่า AI คือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งต่อไป ไม่ใช่แค่แค่เทคโนโลยี IT แบบเดิมๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ไม่ใช่แค่เครื่องมือที่ต้องถูกใช้งานโดยมนุษย์เท่านั้น
แต่ AI สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้เองในรูปแบบของ "หุ่นยนต์ดิจิทัล" ที่ทำงานในศูนย์ข้อมูล (data center) เหมือนโรงงานผลิต AI ขนาดใหญ่
AI ในวันนี้ไม่ได้มีแค่ความสามารถในการรับรู้โลกและสร้างเนื้อหา แต่ยังสามารถใช้เหตุผล แก้ปัญหา ใช้เครื่องมือออนไลน์ และทำวิจัยได้ ตัวอย่างเช่น AI สามารถอ่านไฟล์ PDF , ใช้เบราว์เซอร์ และช่วยค้นคว้าข้อมูลได้อัตโนมัติ ทำให้มันกลายเป็นพนักงานดิจิทัลที่เพิ่มประสิทธิภาพแรงงานในเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่าแสนล้านดอลลาร์
หนึ่งในมุมมองที่น่าสนใจคือการมอง AI data centers เป็นเหมือนโรงงานที่ผลิต “โทเคน” ซึ่งคือหน่วยข้อมูลพื้นฐานที่นำไปแปลงเป็นคำ ภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่สูตรเคมีและโปรตีนสำหรับการค้นคว้ายาใหม่ๆ รวมถึงคำสั่งขับเคลื่อนหุ่นยนต์และรถยนต์ไร้คนขับ
โรงงาน AI เหล่านี้มีขนาดใหญ่และใช้พลังงานมหาศาล เช่น โรงงานที่ใช้พลังงานระดับกิกะวัตต์ (gigawatt) ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 50-60 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าในอีกสิบปีข้างหน้า จะมีการสร้างโรงงาน AI ขนาดนี้หลายสิบแห่งทั่วโลก
AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีสำหรับวงการไอทีเท่านั้น แต่กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การแพทย์ การผลิต โลจิสติกส์ และความบันเทิง เปรียบเสมือนกับที่อินเทอร์เน็ตเคยเป็นโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลในอดีต และพลังงานเคยเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยุคก่อนหน้า
การมอง AI เป็น “โครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา” (intelligence infrastructure) ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างลึกซึ้งในเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง
หนึ่งในคำถามสำคัญคือ AI จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อแรงงาน? Jensen Huang มองว่า ทุกงานจะได้รับผลกระทบ บางงานจะหายไป บางงานจะเกิดขึ้นใหม่ แต่ที่แน่นอนคือ ใครที่ใช้ AI เป็นจะได้เปรียบกว่า
น่าสนใจที่เขาชี้ว่า AI คือโอกาสที่จะช่วยลดช่องว่างทางเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะแม้แต่คนที่ไม่เคยเขียนโปรแกรมมาก่อน ก็สามารถสื่อสารและ “เขียนโปรแกรม” ให้ AI ทำงานได้ด้วยภาษาธรรมชาติ หรือแม้แต่การวาดภาพ และ AI จะเข้าใจและตอบสนองได้
ตัวอย่างคือการใช้ ChatGPT หรือ Gemini Pro ที่ทำให้ทุกคนเป็นเหมือนโปรแกรมเมอร์ AI ได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียนเขียนโค้ดแบบดั้งเดิม นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เทคโนโลยีทำให้คนจำนวนมากเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากความสามารถของคอมพิวเตอร์ขั้นสูงได้อย่างเท่าเทียม
อีกประเด็นที่ Jensen Huang เน้นคือ โลกมีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ไม่ใช่แรงงานล้นตลาด AI จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยนำแรงงานจำนวนมากที่ถูกตัดออกจากตลาดกลับเข้ามามีส่วนร่วมได้อีกครั้ง
ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและขยายขีดความสามารถของแรงงาน AI สามารถช่วยเพิ่ม Productivity และ GDP โลกได้อย่างมหาศาล
หลังจากงานสัมมนา หลายคนอาจสงสัยว่าจะเริ่มเรียนรู้ AI อย่างไร
Jensen Huang แนะนำให้ใช้ AI เป็นครูผู้สอน เช่น ใช้ ChatGPT, Perplexity หรือ Gemini คุย ถามในเรื่องตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับลึกได้ตามต้องการ
การใช้ AI เป็นเครื่องมือสอนตัวเองทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ทุกคน
Jensen Huang เล่าถึงช่วงเริ่มต้นของ NVIDIA ที่ต้องเผชิญความท้าทายมากมาย บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ที่สามารถแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำไม่ได้ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 33 ปีในการบรรลุเป้าหมายนี้
แม้จะมีคู่แข่งอย่าง Intel ที่มีทุนมากกว่า แต่ Intel กลับไม่สนใจตลาดนี้เพราะมองว่าเป็นเรื่องยากและไม่มีลูกค้าเพียงพอ ทำให้ NVIDIA ได้รับโอกาสพัฒนานวัตกรรมโดยไม่ถูกรบกวน
วัฒนธรรมที่ NVIDIA ปลูกฝังคือ “ความอดทนและความมุ่งมั่น” การทำงานหนักและการไม่ยอมแพ้ในยามวิกฤต รวมถึงการไม่ประมาทความสำเร็จ เพราะทุกวันคือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
การผลิตชิป AI ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้ความชำนาญสูง Jensen Huang อธิบายว่า NVIDIA ไม่ได้แค่สร้างชิป แต่สร้างระบบทั้งหมดที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เครือข่าย และระบบนิเวศผู้พัฒนาเหมือนกับแพลตฟอร์มใหญ่ๆ เช่น iOS หรือ Windows
ชิปแต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณหนึ่งตันครึ่งและมีมูลค่ากว่าหลายล้านดอลลาร์ ถูกผลิตในปริมาณมากด้วยความร่วมมือของผู้ผลิตและซัพพลายเออร์กว่า 200 รายทั่วโลก NVIDIA ลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากถึง 20,000-30,000 ล้านดอลลาร์ต่อรุ่น เพื่อรองรับตลาด AI ที่คาดว่าจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
ในบริบทของความมั่นคงแห่งชาติและเศรษฐกิจ มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังบางประเทศ Jensen Huang ชี้ว่า แม้จะมีการจำกัด แต่ประเทศคู่แข่งยังสามารถหาทรัพยากรเองได้ เพราะมีชิป NVIDIA ถูกใช้อยู่ในหลายประเทศแล้ว
การส่งออกชิปยังเป็นโอกาสให้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ สร้างมาตรฐานให้โลก AI และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ เช่น ตลาดจีนที่คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 50 พันล้านดอลลาร์ในไม่กี่ปีข้างหน้า
NVIDIA ทำงานใกล้ชิดกับนักพัฒนา AI ทั่วโลก เพื่อเรียนรู้ความต้องการและปรับสถาปัตยกรรมชิปให้เหมาะสมกับโมเดล AI ที่หลากหลาย เช่น โมเดลสำหรับเซลล์เสมือน (virtual cells) และโปรตีนเสมือน (virtual proteins) ที่แตกต่างจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (large language models)
นอกจากนี้ Jensen Huang มองว่า AI จะไม่หยุดอยู่แค่ตลาดอินเทอร์เน็ตผู้บริโภค แต่จะขยายไปยังอุตสาหกรรมสุขภาพ การผลิต และโรงงานอุตสาหกรรม โดยโรงงานในอนาคตจะเป็นหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่ควบคุมหุ่นยนต์หลายตัวทำงานร่วมกับมนุษย์ นำไปสู่ยุคของ “Physical AI” ที่จะสร้างมูลค่ามหาศาลในหลายล้านล้านดอลลาร์
สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงานกับ NVIDIA Huang เน้นว่า นอกจากความรู้เฉพาะด้าน เช่น ชีววิทยาดิจิทัล เคมีควอนตัม กราฟิกคอมพิวเตอร์ หรือหุ่นยนต์แล้ว ยังให้ความสำคัญกับความฉลาดทั่วไป ความขยัน และความอดทนในการทำงานหนัก
บริษัทต้องการคนที่พร้อมเผชิญความท้าทายและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะการพัฒนาเทคโนโลยี AI และฮาร์ดแวร์ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก
บทสนทนาของ Jensen Huang กับ Michael Milken เปิดเผยว่า AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่พลิกโฉมโลกทั้งในมิติของเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม
การที่ NVIDIA ลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยี AI infrastructure อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ AI จะเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ AI ยังเป็นกุญแจสำคัญในการลดช่องว่างทางเทคโนโลยีและแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั่วโลก โดยเปิดโอกาสให้คนทุกระดับสามารถเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นผ่านการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ
ในแง่ของการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ความอดทน ความมุ่งมั่น และการไม่ประมาทในความสำเร็จ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ NVIDIA ยืนหยัดและเป็นผู้นำในวงการ AI และฮาร์ดแวร์มาได้กว่า 33 ปี
สุดท้าย การเข้าใจและรับมือกับข้อจำกัดทางการเมืองและเศรษฐกิจ เช่น การจำกัดการส่งออกชิป เป็นความท้าทายที่ NVIDIA ต้องเผชิญ แต่โอกาสในตลาดโลกที่กว้างใหญ่ยังคงเปิดกว้างสำหรับผู้ที่กล้าฝันและลงมือทำ
สรุปได้ว่า AI คือพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในศตวรรษนี้ และ NVIDIA คือหนึ่งในผู้นำที่กำลังเขียนบทใหม่ของโลกนี้อย่างแท้จริง