เชื่อมต่อ Claude กับเครื่องมือที่ใช้งานง่ายในคลิกเดียว
เจาะลึกไดเรกทอรีเครื่องมือที่เชื่อมต่อ Claude กับ Notion, Canva, Figma และ Stripe ช่วยจัดการโปรเจกต์และงานร่วมกันได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
บทบาทของ ChatGPT ในการวิจัยและจัดการงานที่ซับซ้อนด้วยตัวเอง ผ่านความสัมพันธ์สมดุลระหว่างโมเดล AI กับเครื่องมือเสริม ช่วยให้การวางแผนและค้นคว้าข้อมูลแม่นยำและอัตโนมัติ เปิดมุมมองใหม่ของการใช้ AI เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและชีวิตประจำวัน
ในยุคที่ AI กำลังขยายขอบเขตความสามารถไปอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นภาพของโมเดลอย่าง ChatGPT ที่ไม่ได้แค่ทำหน้าที่ตอบคำถามเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เครื่องมือและแหล่งข้อมูลภายนอกร่วมกันได้อย่างน่าทึ่ง คลิปวิดีโอล่าสุดจาก OpenAI เผยให้เห็นถึงการพัฒนาที่น่าสนใจของ ChatGPT ในการทำงานร่วมกับเครื่องมือเสริมต่างๆ เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ซับซ้อนมากขึ้นได้โดยอัตโนมัติและแม่นยำขึ้น เรื่องนี้ทำให้เราต้องหยุดคิดว่า AI ในอนาคตจะช่วยเปลี่ยนวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของเราได้อย่างไรบ้าง
จุดเด่นของพัฒนาการนี้คือความสัมพันธ์แบบ "สมดุล" หรือ symbiosis ระหว่างโมเดล AI กับเครื่องมือที่มันใช้ โดยโมเดลที่ดีต้องมีเครื่องมือที่ดีรองรับ ขณะเดียวกันเครื่องมือที่ดีจะช่วยให้โมเดลใช้งานได้เต็มศักยภาพมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้เกิดการพัฒนาแบบต่อเนื่องและเสริมกันไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับวงจรที่ไม่มีวันหยุด
ความรู้สึกที่ผู้พัฒนาระบุไว้คือ “บางครั้งก็รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ AI ทำได้เหนือความคาดหมาย” ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง นั่นแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่คาดไม่ถึงและความยืดหยุ่นของระบบที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
ตัวอย่างที่น่าสนใจจากคลิป คือการที่ ChatGPT สามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณประจำปีของเมือง San Francisco รวมถึงค่าใช้จ่ายและรายรับ เพื่อช่วยวางแผนกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนและแม่นยำ เช่น การวางแผนคืนเดตกับคู่รัก หรือการค้นหาตัวเลือกสำนักงานในสิงคโปร์ รวมถึงการจองตั๋วเข้าชมการแข่งขันเทนนิสที่ Palm Springs ในปีหน้า
สิ่งที่น่าประทับใจคือระบบสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยที่ผู้ใช้งานแทบไม่ต้องยุ่งเกี่ยวมากนัก บางครั้งผู้ใช้เพียงแค่ปิดโน้ตบุ๊กแล้วไปหยิบกาแฟมา เพราะ AI กำลังทำงานเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง
ChatGPT ได้รับการออกแบบให้ใช้งานกับเครื่องมือหลายประเภท เช่น visual browser ที่ช่วยคลิกและเลื่อนดูข้อมูลบนหน้าเว็บได้เหมือนมนุษย์ และ text browser สำหรับอ่านข้อความ นอกจากนี้ยังมีระบบไฟล์ที่ช่วยให้ AI สามารถอ่านและวิเคราะห์ไฟล์ PDF เพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างละเอียด
ขั้นตอนแรกของ AI คือการค้นหาวันเวลาของการแข่งขันเทนนิส จากนั้นจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและเริ่มสร้างงานนำเสนอ PowerPoint เพื่อให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น
AI ยังสามารถประเมินเวลาการเดินทาง เช่น คำนวณว่าต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเดินทางจากจุดเริ่มต้นไปยังสนามบิน SFO โดยคำนึงถึงสภาพการจราจรจริง ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวางแผน
นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อกับระบบที่ช่วยให้ AI เข้าใจตัวตนของผู้ใช้ได้ดีขึ้นผ่าน “connectors” ทำให้คำแนะนำและการจัดการงานตรงกับความต้องการและบริบทของแต่ละคนมากขึ้น
ในตอนท้ายของกระบวนการ AI แจ้งเตือนผู้ใช้ผ่านโทรศัพท์หรือโน้ตบุ๊ก เมื่อตัวช่วยพร้อมแล้ว เช่น ค้นพบร้านอาหารชื่อ Kewsakabe ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดี รวมถึงการหาและจัดเตรียมรูปภาพสำหรับสำนักงานที่น่าสนใจ และจัดรูปแบบ Excel ตามคำสั่งที่ได้รับ
ความแม่นยำและความรวดเร็วของ AI ในการทำงานที่ซับซ้อนเหล่านี้ช่วยลดเวลาที่ใช้ในการจัดการข้อมูลลงอย่างมาก ผู้พัฒนาย้ำว่า หาก AI สามารถทำงานส่วนที่ใช้เวลานานได้ถึง 90-95% ก็ถือว่าเป็นการประหยัดเวลาได้มากและมีประโยชน์อย่างชัดเจน
โดยรวมแล้ว เรามองว่านี่คือก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือช่วยตอบคำถาม แต่กำลังกลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานเชิงลึกและจัดการงานแทนเราได้ในหลายๆ ด้าน ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง