Skip to content
2 min read Fitbit

Fitbit: อนาคตของสุขภาพเฉพาะบุคคล | The Check Up with Google '25

ความแม่นยำของเครื่องมือสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ

เทคโนโลยีสุขภาพกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยการผสาน AI เข้ากับอุปกรณ์สวมใส่ การนำเสนอโดย Rishi ผู้นำทีม Fitbit ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าล่าสุดในวงการสุขภาพที่ไม่เพียงแค่ตรวจจับข้อมูลพื้นฐาน แต่ยังสามารถวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้คำแนะนำและการแจ้งเตือนที่แม่นยำและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะฟีเจอร์ตรวจจับ “Loss of Pulse” หรือการสูญเสียชีพจร ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถช่วยชีวิตได้จริง พร้อมกับการเปิดตัว Medical Records API ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลสุขภาพจากหลายแหล่งมาไว้ในที่เดียวอย่างปลอดภัย

ความสำคัญของความแม่นยำและเชื่อถือได้ในเทคโนโลยีสุขภาพ

ในโลกของสุขภาพส่วนบุคคล ความแม่นยำของข้อมูลเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ ตั้งแต่การวัดอัตราการเต้นของหัวใจไปจนถึงการแจ้งเตือนฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแค่รวดเร็ว แต่ต้องมีความน่าเชื่อถือสูง Fitbit ลงทุนอย่างหนักในเทคนิค AI ขั้นสูงและเครื่องมือการตรวจสอบที่มีมาตรฐานสูงกว่าที่อุตสาหกรรมทั่วไปใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสุขภาพที่ส่งถึงมือผู้ใช้มีความถูกต้องและมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่ข้อมูลที่เกิดจาก “hallucinations” หรือการคาดเดาที่ผิดพลาดของ AI

ความแม่นยำของเครื่องมือสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ

ฟีเจอร์ Loss of Pulse Detection: นวัตกรรมที่ช่วยชีวิต

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ก้าวหน้าของ Fitbit คือการตรวจจับการสูญเสียชีพจร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากและไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ง่าย การทดสอบจริงจึงท้าทายมาก ทีมงานเริ่มต้นด้วยการวิจัยอย่างลึกซึ้งร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและผู้นำฝ่ายบริการฉุกเฉิน เพื่อเข้าใจรายละเอียดและลักษณะเฉพาะของเหตุการณ์นี้ จากนั้นพัฒนาอัลกอริทึม AI ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงจากสถานะมีชีพจรไปสู่การไม่มีชีพจร

การทดสอบฟีเจอร์นี้ไม่ได้จำกัดแค่ในห้องทดลอง แต่ยังใช้การจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินโดยนักแสดงมืออาชีพ และดำเนินการศึกษาทางคลินิกทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง FDA ฟีเจอร์นี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่พร้อมจะช่วยชีวิตคนได้จริงและพร้อมให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้

Loss of Pulse Detection ฟีเจอร์ช่วยชีวิตจาก Fitbit

การเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพเป็นข้อมูลเชิงลึกเฉพาะบุคคลด้วย AI

ความร่วมมือระหว่าง Fitbit กับ Google Research และ DeepMind ในการพัฒนา “Large Sensor Model” ถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการ AI สำหรับข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์สวมใส่ Large Sensor Model คือโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ถูกเทรนด้วยข้อมูลเซ็นเซอร์จากผู้ใช้มากกว่า 40 ล้านชั่วโมง ซึ่งถือเป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในประเภทนี้ โมเดลนี้สามารถถอดรหัสสัญญาณจากร่างกายได้อย่างแม่นยำและสามารถจำแนกกิจกรรมได้หลากหลายกว่าที่เคยเป็นมา

นอกจากนี้ โมเดลยังสามารถทำนายแนวโน้มของค่าสุขภาพต่างๆ ได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจหรือคุณภาพการนอนหลับ ทำให้สามารถสร้างโค้ชสุขภาพส่วนตัวที่ปรับแผนการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับเป้าหมายและสภาพร่างกายของแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ

Large Sensor Model AI เทรนด้วยข้อมูลสุขภาพจำนวนมหาศาล

การเปิดเผยงานวิจัยและการสร้างชุมชนวิทยาศาสตร์ด้านสุขภาพ

Fitbit ยึดมั่นในความโปร่งใสและการแบ่งปันความรู้ โดยเผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับ Large Sensor Model รวมถึงวิธีการตรวจสอบความถูกต้องของโมเดล เพื่อส่งเสริมให้วงการวิทยาศาสตร์สุขภาพได้รับประโยชน์และพัฒนาไปด้วยกัน นอกจากนี้ Fitbit ยังเป็นผู้นำในด้านการใช้เทคโนโลยีในงานวิจัย โดยมีการอ้างอิงและใช้งานเทคโนโลยีของ Fitbit มากกว่าคู่แข่งในงานวิจัยทั่วโลก

เพื่อรักษามาตรฐานทางวิทยาศาสตร์และความเหมาะสมในโลกจริง Fitbit ได้ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านสุขภาพผู้บริโภค ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เช่น สุขภาพดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การฝึกซ้อมสมรรถภาพ การนอนหลับ และเทคโนโลยีสุขภาพ เพื่อให้คำแนะนำและตรวจสอบการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI ระดับสูงอย่าง LLMs ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในวงการสุขภาพ

คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านสุขภาพผู้บริโภคของ Fitbit

Health Connect: แพลตฟอร์มรวมข้อมูลสุขภาพครบวงจร

ในยุคที่ผู้คนใช้แอปและอุปกรณ์หลายชนิดเพื่อติดตามสุขภาพ การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้อยู่ในที่เดียวจึงเป็นเรื่องจำเป็น Health Connect เป็นแพลตฟอร์มเปิดบนระบบ Android ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ข้อมูลสุขภาพระหว่างแอปและอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อสองปีก่อน Health Connect เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนผู้ใช้และนักพัฒนาที่เพิ่มขึ้นกว่า 75% ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Omron บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีวัดความดันโลหิต ที่ใช้ Health Connect เพื่อรวมข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้เข้ากับแอปของตนเอง และยังส่งข้อมูลความดันโลหิตกลับเข้า Health Connect เพื่อใช้ในแอปอื่นๆ ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการดูแลสุขภาพหัวใจอย่างครบถ้วน

Health Connect แพลตฟอร์มรวมข้อมูลสุขภาพบน Android

Medical Records API: การรวมข้อมูลการแพทย์ในมือผู้ใช้

อีกก้าวสำคัญคือการเปิดตัว Medical Records API บน Health Connect ที่ใช้มาตรฐาน FHIR (Fast Healthcare Interoperability Resources) ทำให้แอปสุขภาพสามารถอ่านและเขียนข้อมูลจากประวัติการรักษาของผู้ใช้ได้โดยตรง เช่น ผลตรวจแลป การฉีดวัคซีน หรือข้อมูลยา

จุดเด่นของ API นี้คือการเปิดโอกาสให้เกิดประสบการณ์สุขภาพใหม่ๆ เช่น การวิเคราะห์ผลกระทบของยาต่อการนอนหลับ หรือการปรับแผนออกกำลังกายให้เหมาะสมกับยาที่ใช้อยู่ เช่น GLP-1 ซึ่งเป็นยาที่ช่วยควบคุมน้ำหนักและเบาหวาน

ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญสูงสุด ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสและเก็บไว้ในโทรศัพท์ของผู้ใช้ และผู้ใช้จะควบคุมได้ว่าแอปใดบ้างสามารถเข้าถึงข้อมูลได้

Medical Records API บน Health Connect รวมข้อมูลทางการแพทย์

การเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสร้างนวัตกรรมสุขภาพใหม่

ขณะนี้มีพันธมิตรกว่า 60 รายที่ได้รับสิทธิ์เข้าถึง API เหล่านี้ในช่วงแรก และกำลังพัฒนาแอปที่สามารถเปลี่ยนแปลงวงการสุขภาพได้อย่างกว้างขวาง การรวมข้อมูลเซ็นเซอร์ที่แม่นยำ ประวัติการแพทย์ และโมเดล AI ที่เทรนด้วยข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล ช่วยให้เกิดเครื่องมือใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้มีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดีขึ้น

นักพัฒนาสร้างนวัตกรรมสุขภาพด้วย Health Connect

คำศัพท์เทคนิคที่ควรรู้

บทสรุปจาก Insiderly

การผสาน AI เข้ากับเทคโนโลยีสุขภาพอย่างลึกซึ้งของ Fitbit ผ่านการวิจัยและพัฒนาที่เข้มข้น ทำให้เกิดฟีเจอร์ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยังช่วยชีวิตผู้ใช้งานได้จริง Loss of Pulse Detection เป็นตัวอย่างชัดเจนของนวัตกรรมที่มีความแม่นยำและผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

การเปิดตัว Medical Records API บน Health Connect ถือเป็นก้าวสำคัญในการรวมข้อมูลสุขภาพดิจิทัลไว้ในมือผู้ใช้ ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยังคงรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุด

นอกจากนี้ การร่วมมือกับ Google Research และ DeepMind ในการพัฒนา Large Sensor Model ช่วยเปิดประตูสู่การวิเคราะห์และทำนายสุขภาพในระดับใหม่ ที่จะเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายและดูแลตนเองให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง

สำหรับวงการสุขภาพดิจิทัล นี่คือการก้าวสู่ยุคใหม่ที่ AI และข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลทำงานร่วมกันเพื่อสร้างชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพกว่าเดิมอย่างแท้จริง