เทคโนโลยีสุขภาพกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยการผสาน AI เข้ากับอุปกรณ์สวมใส่ การนำเสนอโดย Rishi ผู้นำทีม Fitbit ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าล่าสุดในวงการสุขภาพที่ไม่เพียงแค่ตรวจจับข้อมูลพื้นฐาน แต่ยังสามารถวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้คำแนะนำและการแจ้งเตือนที่แม่นยำและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะฟีเจอร์ตรวจจับ “Loss of Pulse” หรือการสูญเสียชีพจร ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถช่วยชีวิตได้จริง พร้อมกับการเปิดตัว Medical Records API ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลสุขภาพจากหลายแหล่งมาไว้ในที่เดียวอย่างปลอดภัย
ในโลกของสุขภาพส่วนบุคคล ความแม่นยำของข้อมูลเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ ตั้งแต่การวัดอัตราการเต้นของหัวใจไปจนถึงการแจ้งเตือนฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแค่รวดเร็ว แต่ต้องมีความน่าเชื่อถือสูง Fitbit ลงทุนอย่างหนักในเทคนิค AI ขั้นสูงและเครื่องมือการตรวจสอบที่มีมาตรฐานสูงกว่าที่อุตสาหกรรมทั่วไปใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสุขภาพที่ส่งถึงมือผู้ใช้มีความถูกต้องและมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่ข้อมูลที่เกิดจาก “hallucinations” หรือการคาดเดาที่ผิดพลาดของ AI
ฟีเจอร์ Loss of Pulse Detection: นวัตกรรมที่ช่วยชีวิต
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ก้าวหน้าของ Fitbit คือการตรวจจับการสูญเสียชีพจร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากและไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ง่าย การทดสอบจริงจึงท้าทายมาก ทีมงานเริ่มต้นด้วยการวิจัยอย่างลึกซึ้งร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและผู้นำฝ่ายบริการฉุกเฉิน เพื่อเข้าใจรายละเอียดและลักษณะเฉพาะของเหตุการณ์นี้ จากนั้นพัฒนาอัลกอริทึม AI ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงจากสถานะมีชีพจรไปสู่การไม่มีชีพจร
การทดสอบฟีเจอร์นี้ไม่ได้จำกัดแค่ในห้องทดลอง แต่ยังใช้การจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินโดยนักแสดงมืออาชีพ และดำเนินการศึกษาทางคลินิกทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง FDA ฟีเจอร์นี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่พร้อมจะช่วยชีวิตคนได้จริงและพร้อมให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้
การเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพเป็นข้อมูลเชิงลึกเฉพาะบุคคลด้วย AI
ความร่วมมือระหว่าง Fitbit กับ Google Research และ DeepMind ในการพัฒนา “Large Sensor Model” ถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการ AI สำหรับข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์สวมใส่ Large Sensor Model คือโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ถูกเทรนด้วยข้อมูลเซ็นเซอร์จากผู้ใช้มากกว่า 40 ล้านชั่วโมง ซึ่งถือเป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในประเภทนี้ โมเดลนี้สามารถถอดรหัสสัญญาณจากร่างกายได้อย่างแม่นยำและสามารถจำแนกกิจกรรมได้หลากหลายกว่าที่เคยเป็นมา
ในยุคที่ผู้คนใช้แอปและอุปกรณ์หลายชนิดเพื่อติดตามสุขภาพ การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้อยู่ในที่เดียวจึงเป็นเรื่องจำเป็น Health Connect เป็นแพลตฟอร์มเปิดบนระบบ Android ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ข้อมูลสุขภาพระหว่างแอปและอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อสองปีก่อน Health Connect เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนผู้ใช้และนักพัฒนาที่เพิ่มขึ้นกว่า 75% ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Omron บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีวัดความดันโลหิต ที่ใช้ Health Connect เพื่อรวมข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้เข้ากับแอปของตนเอง และยังส่งข้อมูลความดันโลหิตกลับเข้า Health Connect เพื่อใช้ในแอปอื่นๆ ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการดูแลสุขภาพหัวใจอย่างครบถ้วน
Medical Records API: การรวมข้อมูลการแพทย์ในมือผู้ใช้
อีกก้าวสำคัญคือการเปิดตัว Medical Records API บน Health Connect ที่ใช้มาตรฐาน FHIR (Fast Healthcare Interoperability Resources) ทำให้แอปสุขภาพสามารถอ่านและเขียนข้อมูลจากประวัติการรักษาของผู้ใช้ได้โดยตรง เช่น ผลตรวจแลป การฉีดวัคซีน หรือข้อมูลยา
จุดเด่นของ API นี้คือการเปิดโอกาสให้เกิดประสบการณ์สุขภาพใหม่ๆ เช่น การวิเคราะห์ผลกระทบของยาต่อการนอนหลับ หรือการปรับแผนออกกำลังกายให้เหมาะสมกับยาที่ใช้อยู่ เช่น GLP-1 ซึ่งเป็นยาที่ช่วยควบคุมน้ำหนักและเบาหวาน
Large Sensor Model: โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ถูกเทรนด้วยข้อมูลเซ็นเซอร์จำนวนมากเพื่อถอดรหัสสัญญาณร่างกายอย่างแม่นยำ
LLMs (Large Language Models): โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าใจและสร้างข้อความได้เหมือนมนุษย์
บทสรุปจาก Insiderly
การผสาน AI เข้ากับเทคโนโลยีสุขภาพอย่างลึกซึ้งของ Fitbit ผ่านการวิจัยและพัฒนาที่เข้มข้น ทำให้เกิดฟีเจอร์ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยังช่วยชีวิตผู้ใช้งานได้จริง Loss of Pulse Detection เป็นตัวอย่างชัดเจนของนวัตกรรมที่มีความแม่นยำและผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
การเปิดตัว Medical Records API บน Health Connect ถือเป็นก้าวสำคัญในการรวมข้อมูลสุขภาพดิจิทัลไว้ในมือผู้ใช้ ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยังคงรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุด
นอกจากนี้ การร่วมมือกับ Google Research และ DeepMind ในการพัฒนา Large Sensor Model ช่วยเปิดประตูสู่การวิเคราะห์และทำนายสุขภาพในระดับใหม่ ที่จะเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายและดูแลตนเองให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง
สำหรับวงการสุขภาพดิจิทัล นี่คือการก้าวสู่ยุคใหม่ที่ AI และข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลทำงานร่วมกันเพื่อสร้างชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพกว่าเดิมอย่างแท้จริง
เจาะลึกการเข้าซื้อ Windsurf IDE ของ OpenAI เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาด AI Coding ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือดจาก Google และ Anthropic พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มและบทบาทของ Windsurf ในตลาดองค์กร