Duolingo กำลังเปลี่ยนแปลงวงการการเรียนรู้ภาษาด้วยการผสาน AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตนอย่างชาญฉลาด Luis von Ahn ซีอีโอของ Duolingo ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกถึงการลงทุนและกลยุทธ์ของบริษัทในการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายขอบเขตการเรียนรู้
พร้อมทั้งตอบคำถามเกี่ยวกับผลกระทบต่อพนักงาน และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับ Apple Payment System

การลงทุนใน AI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและขยายเนื้อหา
Duolingo ใช้ AI ในหลายด้านเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยหนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือระบบวิดีโอคอลล์ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถฝึกสนทนากับตัวละครเสมือนจริงอย่าง Lily ได้ ซึ่งตรงนี้ต้องใช้การวิจัยและพัฒนามาก และบริษัทยังคงจ้างงานเพิ่มเพื่อพัฒนาฟีเจอร์นี้อย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งจุดที่ AI มีบทบาทสำคัญคือการสร้างเนื้อหาหลักสูตรใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว การใช้ AI ช่วยเร่งความเร็วในการผลิตเนื้อหา
ทำให้ Duolingo สามารถเพิ่มจำนวนคอร์สและขยายความลึกของเนื้อหาในแต่ละคอร์สได้มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในองค์กร โดยไม่ใช่เพื่อลดจำนวนพนักงาน
แต่เพื่อให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น แทนงานที่ซ้ำซากและใช้เวลามาก
ไม่ลดพนักงาน แต่เปลี่ยนวิธีทำงาน
แม้จะมีความกังวลในวงกว้างเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน Luis von Ahn ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า Duolingo ให้ความสำคัญกับพนักงาน และไม่มีแผนลดจำนวนพนักงานเต็มเวลา
โดยการใช้ AI คือการแทนที่การจ้างงานแบบผู้รับเหมาในงานที่ AI สามารถทำได้ดีเท่านั้น
กล่าวคือ สำหรับงานที่ AI สามารถทำได้ดีในปัจจุบัน บริษัทจะไม่จ้างผู้รับเหมาทำงานเหล่านั้นอีกต่อไป ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่แล้วก่อนหน้านี้และไม่ได้ส่งผลกระทบกับพนักงานประจำแต่อย่างใด
การเปลี่ยนแปลงระบบการชำระเงินหลังคำตัดสินของ Apple
ในส่วนของการชำระเงิน ลูกค้าส่วนใหญ่ของ Duolingo ยังจ่ายผ่านระบบของ Apple หรือ Google ภายในแอปพลิเคชันตามระบบปฏิบัติการมือถือที่ใช้งาน โดย Apple จะเก็บค่าธรรมเนียม 30% จากการสมัครสมาชิกปีแรก
แต่ด้วยคำตัดสินใหม่ที่อนุญาตให้ผู้พัฒนาสามารถใช้ช่องทางการชำระเงินอื่นนอกเหนือจากระบบของ Apple ได้ Duolingo กำลังทดสอบการใช้เว็บวิว (web view) ภายในแอปเพื่อให้ลูกค้าชำระเงินผ่านเว็บไซต์แทน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าธรรมเนียมและเพิ่มกำไรให้บริษัท
การเพิ่มเนื้อหาการเรียนรู้ใหม่: การสอนหมากรุก
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Duolingo ได้เปิดตัวคอร์สใหม่ที่ไม่ใช่ภาษา แต่เป็นการสอนหมากรุก
ซึ่ง Luis von Ahn มองว่าหมากรุกไม่ใช่แค่เกมแต่เป็นทักษะการคิดเชิงตรรกะและการวางแผนที่ช่วยพัฒนาความคิดอย่างลึกซึ้ง
เหตุผลที่เลือกหมากรุกเป็นคอร์สใหม่เพราะมีผู้คนทั่วโลกสนใจและเล่นหมากรุกจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่อยากเรียนรู้แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองเรียนจริงๆ คอร์สนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเริ่มต้นจากระดับพื้นฐานจนถึงระดับกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Luis ยังเล่าถึงกิจกรรมส่วนตัวว่าเขาเองก็ชอบเล่นหมากรุกและโป๊กเกอร์ ซึ่งเป็นเกมที่ต้องใช้กลยุทธ์และความคิดวิเคราะห์สูง ทำให้เขาเห็นศักยภาพของเกมเหล่านี้ในเชิงการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ
ไม่มีแผนเพิ่มเกมอื่นนอกจากหมากรุก
แม้จะมีการเปิดสอนหมากรุก แต่ Duolingo ไม่มีแผนที่จะเพิ่มเกมอื่นๆ เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นไปที่การเป็นแอปพลิเคชันการศึกษา โดยสิ่งที่ต้องการคือการสอนทักษะที่ใช้เวลานานและช่วยพัฒนาชีวิตของผู้เรียนจริงๆ
ในปัจจุบัน Duolingo มีเนื้อหาหลักคือการเรียนภาษา คณิตศาสตร์ ดนตรี และหมากรุก ซึ่งจะโฟกัสพัฒนาและขยายเนื้อหาเหล่านี้ก่อนที่จะพิจารณาเพิ่มหัวข้อใหม่ๆ ในอนาคต
การเรียนภาษาผ่านแอป: ความจริงและความเข้าใจผิด
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ การเรียนภาษาผ่านแอปอย่าง Duolingo จะช่วยให้พูดได้จริงหรือไม่ Luis von Ahn อธิบายว่าปัจจัยสำคัญคือเวลาที่ใช้ในการฝึกฝนภาษาอย่างต่อเนื่อง หากใช้เวลาที่เหมาะสมก็สามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะภาษาได้จริง
เขายกตัวอย่างว่าตัวเองเรียนหลายภาษาใน Duolingo และมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่าการใช้ Duolingo อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ทักษะภาษาดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การเรียนภาษาให้ได้ผลต้องใช้เวลามาก เช่น การเรียนภาษาสเปนอย่างดีต้องใช้เวลาประมาณ 500 ชั่วโมง ในขณะที่ภาษาจีนต้องใช้เวลาถึง 2,000 ชั่วโมง นี่คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเรียนภาษาโดยทั่วไป ไม่ใช่แค่กับ Duolingo เท่านั้น
การสร้างแรงจูงใจคือกุญแจสำคัญ
จุดแข็งที่ Duolingo ทำได้ดีมากคือการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนอยากกลับมาเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพราะการเรียนภาษาต้องใช้เวลานานและความต่อเนื่อง หากขาดแรงจูงใจ ผู้เรียนก็จะหยุดเรียนกลางคัน
ด้วยระบบการเรียนรู้ที่ออกแบบมาอย่างดีและการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย Duolingo สามารถรักษาผู้เรียนให้อยู่กับแพลตฟอร์มได้นานขึ้นและประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ได้มากขึ้น
ศัพท์เทคนิค (Jargon) ที่ควรรู้
- AI (Artificial Intelligence): เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยให้เครื่องจักรสามารถทำงานที่ต้องใช้ความคิดเหมือนมนุษย์
- Web view: วิธีการแสดงหน้าเว็บภายในแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องเปิดเบราว์เซอร์แยกต่างหาก
- R&D (Research and Development): งานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ
- Contractors: ผู้รับเหมาช่วงที่ทำงานเป็นรายงานหรือโปรเจ็กต์เฉพาะ
บทสรุปจาก Insiderly
Duolingo กำลังนำ AI มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างชาญฉลาด โดยไม่ได้มุ่งหวังที่จะทดแทนแรงงานมนุษย์ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำงานที่สร้างสรรค์และมีคุณค่ามากขึ้น
การใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาใหม่ๆ ทำให้ Duolingo สามารถขยายจำนวนคอร์สได้อย่างรวดเร็วและหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนในยุคดิจิทัล การเปิดตัวคอร์สหมากรุกยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนภาษาเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ การปรับตัวเกี่ยวกับระบบการชำระเงินหลังคำตัดสินของ Apple ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มรายได้และลดต้นทุน โดยไม่กระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้
โดยรวมแล้ว Duolingo กำลังสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยี AI และการดูแลพนักงาน ขณะเดียวกันมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนในทุกช่วงวัยและทุกระดับทักษะ