เชื่อมต่อ Claude กับเครื่องมือที่ใช้งานง่ายในคลิกเดียว
เจาะลึกไดเรกทอรีเครื่องมือที่เชื่อมต่อ Claude กับ Notion, Canva, Figma และ Stripe ช่วยจัดการโปรเจกต์และงานร่วมกันได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เจาะลึกแผนใหญ่ของจีนในการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมาในซินเจียง ด้วยชิป NVIDIA แม้เผชิญข้อจำกัดส่งออกจากสหรัฐฯ พร้อมเน้นพลังงานสะอาดและระบบเชื่อมต่อ AI ระดับชาติ
เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานน่าสนใจที่ชวนให้เราต้องตั้งคำถามถึงความก้าวหน้าของจีนในวงการปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI โดยเฉพาะในพื้นที่ที่แปลกตาอย่างซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางเทคโนโลยีอย่างเซี่ยงไฮ้หรือเสินเจิ้นมาก รายงานนี้ชี้ให้เห็นว่าจีนกำลังเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่กว่า 40 แห่งในภูมิภาคนี้ ด้วยแผนการนำชิป NVIDIA ที่สหรัฐอเมริกาห้ามส่งออกมายังจีนมาติดตั้งเพื่อพัฒนาศักยภาพด้าน AI โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการสร้างอุตสาหกรรม AI ในประเทศที่สามารถท้าทายยักษ์ใหญ่จากตะวันตกอย่าง OpenAI, Alphabet หรือ Meta ได้อย่างจริงจัง
ซินเจียงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศแห้งแล้งและตั้งอยู่ในหุบเขาที่รายล้อมด้วยภูเขาหิมะ บรรยากาศสวยงามแต่เข้าถึงได้ยากมาก การสร้างศูนย์ข้อมูลในพื้นที่นี้จึงดูเหมือนเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง รัฐบาลจีนอนุมัติโครงการลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลอย่างน้อย 39 แห่งในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยมีแผนใช้ชิป NVIDIA กว่า 115,000 ชิ้น ซึ่งถือเป็นจำนวนมหาศาลสำหรับการพัฒนา AI ระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับโมเดลอย่าง ChatGPT หรือ Gemini ได้
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาได้ประกาศห้ามส่งออกชิปประมวลผลขั้นสูงของ NVIDIA ไปยังจีนตั้งแต่ปี 2022 ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในเชิงทหารของจีน การห้ามนี้นำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ และล่าสุดยังมีการขยายมาตรการควบคุมการส่งออกชิปไปยังประเทศที่อาจกลายเป็นช่องทางลักลอบส่งต่อไปยังจีน เช่น ไทยและมาเลเซีย
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมจีนจึงเลือกสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่ห่างไกลและทุรกันดารอย่างซินเจียง สาเหตุหลักมีหลายประการ หนึ่งคือที่ดินในพื้นที่นี้มีราคาถูกและค่าเช่าต่ำมาก ซึ่งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลได้มาก อีกทั้งภูมิอากาศที่เย็นสบายในพื้นที่ภูเขายังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ที่สำคัญที่สุด ซินเจียงยังเป็นศูนย์กลางของพลังงานสะอาดในจีน มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และกังหันลมจำนวนมาก ซึ่งช่วยให้ศูนย์ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การผสมผสานระหว่างพลังงานสีเขียวกับการประมวลผลข้อมูลขั้นสูงนี้สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนการพัฒนาแบบยั่งยืน
ชิป NVIDIA ถือเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับการฝึกสอนโมเดล AI ระดับสูง เช่นเดียวกับที่ OpenAI ใช้ในการพัฒนา ChatGPT ซึ่งต้องใช้ชิปจำนวนมากเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ในจีนเอง บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งก็ต้องการเข้าถึงชิปเหล่านี้เพื่อพัฒนา AI ของตนเอง แต่การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้การเข้าถึงชิปเหล่านี้เป็นเรื่องยากขึ้นมาก
จากข้อมูลที่ได้รับ พบว่าจำนวนชิป NVIDIA ที่จีนถือครองยังเป็นเรื่องที่ไม่มีความชัดเจนอย่างเป็นทางการ บางแหล่งข่าวในสหรัฐฯ ประเมินว่าจีนมีชิปเหล่านี้ประมาณ 25,000 ชิ้น แต่เอกสารที่พบกลับชี้ให้เห็นว่ามีแผนการที่จะใช้ชิปถึง 115,000 ชิ้นในศูนย์ข้อมูลที่ซินเจียงและชิงไห่ ซึ่งทำให้หลายคนประหลาดใจ เพราะเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าที่คาดคิดกันไว้
แม้จะมีการโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ถูกจำกัดบนเว็บไซต์ของ NVIDIA แต่บริษัทเองก็ยืนยันว่าการโพสต์ดังกล่าวไม่เท่ากับการได้รับอนุญาตให้ใช้งานหรือซ่อมแซมผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และบริษัทไม่ได้ให้การสนับสนุนสำหรับผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดนี้
แม้ว่าศูนย์ข้อมูลจะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลอย่างซินเจียง แต่บริษัทสตาร์ทอัพและนักพัฒนา AI จากเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้หรือเสินเจิ้นก็สามารถเข้าถึงศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ได้ผ่านระบบออนไลน์ โดยส่งคำขอใช้พลังประมวลผลผ่านเครือข่าย ซึ่งศูนย์ข้อมูลที่ซินเจียงจะตอบสนองและส่งผลลัพธ์กลับมาอย่างรวดเร็ว ระบบนี้ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีการตั้งศูนย์ข้อมูลของตนเองในทุกพื้นที่ ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนา AI อย่างมาก
แนวคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับแผนการของรัฐบาลจีนที่จะสร้าง "ทางเดินพลังประมวลผล" (computing power corridors) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสายเคเบิลและเครือข่ายที่เชื่อมต่อศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ตะวันตกกับเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ในตะวันออก เพื่อให้การส่งผ่านพลังประมวลผลเป็นไปอย่างรวดเร็วและเสถียร คล้ายกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในประเทศที่มีการเคลื่อนย้ายน้ำจากภาคใต้ไปยังภาคเหนือที่ขาดแคลนน้ำ
หนึ่งในบริษัทที่น่าสนใจในโครงการนี้คือ Niacor บริษัทพลังงานที่เน้นการผลิตพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์และลม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นในเทียนจิน บริษัทนี้มีแผนที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลที่ประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 625 เครื่อง และต้องการใช้ชิป NVIDIA H100 กว่า 2,100 ชิ้น ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงมากสำหรับบริษัทพลังงานขนาดกลาง
Niacor กำลังขายพลังประมวลผลนี้ให้กับ Infinigence AI บริษัทโครงสร้างพื้นฐาน AI รายใหญ่ในจีนที่ได้รับเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านหยวน (ประมาณ 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2023 เป้าหมายของ Infinigence AI คือการทำให้พลังประมวลผลเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกบริษัท AI ในประเทศจีน ผ่านระบบที่เหมือนกับการเปิดก๊อกน้ำเพื่อรับน้ำที่ต้องการได้ทันที
แม้แผนการและโครงการต่างๆ จะดูน่าประทับใจ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนหลายประการที่จีนต้องเผชิญ หนึ่งคือการหาพลังงานที่ราคาถูกและเสถียรเพื่อให้ศูนย์ข้อมูลทำงานได้ตลอดเวลา อีกประการคือความสามารถในการเข้าถึงชิปประมวลผลขั้นสูงที่จำเป็นต่อการพัฒนา AI ซึ่งตอนนี้ยังต้องพึ่งพาชิปจาก NVIDIA ที่ผลิตในสหรัฐฯ และยังมีข้อจำกัดการส่งออกอยู่
ส่วนที่สำคัญที่สุดคือความสามารถของจีนในการพัฒนาชิป AI ในประเทศเอง เพื่อไม่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ และยังต้องสร้างอุตสาหกรรม AI ที่มีนวัตกรรมล้ำหน้าและแพร่หลายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะการสร้างระบบพลังประมวลผลเป็นแบบสาธารณูปโภคที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งจะช่วยลดการผูกขาดของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างกว้างขวาง
ในสหรัฐฯ พลังประมวลผล AI ส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ไม่กี่ราย เช่น OpenAI, Meta และ Alphabet ซึ่งอาจจำกัดโอกาสของนักพัฒนาอิสระและสตาร์ทอัพ ในทางกลับกัน จีนกำลังมุ่งสร้างระบบที่เปิดให้ผู้พัฒนาทุกคนสามารถเข้าถึงพลังประมวลผลได้แบบเสมอภาค ซึ่งน่าจะทำให้เกิดความร่วมมือและนวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้นในวงกว้าง
ถ้าจีนสามารถทำได้จริง ระบบนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการ AI อาจทำให้จีนกลายเป็นผู้นำด้าน AI ที่มีความแตกต่างและแข็งแกร่งในระดับโลก
เรื่องนี้ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าจีนกำลังเดินหน้าสร้างอุตสาหกรรม AI ของตัวเองอย่างจริงจังและมีแผนการระยะยาวที่น่าสนใจมาก ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างมหาอำนาจโลกในอนาคต