เซอร์ทิส (Sertis) บริษัทที่ทำด้าน AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ Data ก่อตั้งในปี 2014 ในยุคที่ AI และ Data ยังเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับประเทศไทยและอาเซียน โดยนำความรู้จากการได้ทำงานในต่างประเทศหลายปี ทั้งการทำอีคอมเมิร์ซที่จีน และทำบริษัทสตาร์ทอัพเทคโนโลยีที่อังกฤษ ทำให้เห็นโอกาสเรื่อง AI กับ Data ที่เมืองไทยไม่ค่อยมีใครทำ
“หลังจากกลับมาประเทศไทย ได้ก่อตั้งบริษัท Sertis เพราะเราอยากจะเป็นบริษัท AI ชั้นนำของภูมิภาคนี้ วันแรกมีผมนั่งอยู่คนเดียว มีแค่ไอเดีย และค่อยๆ เริ่มสร้างทีมงานเข้ามา จนโตมาเรื่อยๆ” ธี-ธัชกรณ์ วชิรมน CEO และ Founder บริษัท เซอร์ทิส จำกัด กล่าวเปิดบทสัมภาษณ์
“ผมมองเห็นเบื้องหลังของ อีคอมเมิร์ซ และ e-Payment มันคือเรื่อง AI และ Data ซึ่งช่วยให้ผมเห็นว่า การที่เราจะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยมนุษย์คิด มันน่าจะเป็นอนาคตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
AI จะดิสรัปต์ทุกสิ่ง คนต้องเร่งปรับตัวให้ทัน เมื่อ 7 ปีที่แล้วเรื่อง AI และ Data ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับประเทศไทย ธัชกรณ์ เล่าว่า ประเทศไทยในยุคนั้นยังเป็น Traditional Focus อยู่ คือเรื่องดิจิทัลเป็นอะไรที่ใหม่ ถามว่ามี Digital Strategy ไหม บางคนก็ยังไม่ค่อยมี เพราะองค์กรส่วนมากยังมองไม่เห็นว่า AI กับ Data จับต้องไม่ได้ และจะสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรอย่างไร แต่ก็มีบางองค์กรที่คิดเรื่องการขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากๆ จะเริ่มหาคนมาช่วยขับเคลื่อน ซึ่งธุรกิจที่เซอร์ทิสได้มีโอกาสทำงานร่วมในช่วงแรกเป็นธุรกิจค้าปลีก (Retail) และอีกธุรกิจเป็นองค์กรระดับโลกที่อยู่ประเทศไทย ทั้งนี้การเป็นผู้ให้บริการเจ้าแรกๆ เซอร์ทิสต้องให้ความรู้คนเรื่อง AI และ Data มาก
ธัชกรณ์ เล่าต่อว่า บางคนลืมไปว่าโลกนี้มันล้อมรอบไปด้วย AI ทุกครั้งที่เปิดมือถือก็มี AI เปิดอีเมล์ ก็มี AI คัดกรอง เข้าไปค้นหาใน Google หรือดู YouTube ก็มี AI คือ AI มันมีอยู่รอบตัว มันมีมาระยะหนึ่งแล้ว
“ในอนาคต จะไม่มีธุรกิจไหนที่ไม่ใช้ AI ผมมองว่าโลกของเรากำลังจะก้าวไปสู่ยุคที่เราเรียกว่า AI Age แค่บางคนยังไม่ทันสังเกต”
คล้ายกันคือเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ตอนที่อินเทอร์เน็ตเพิ่งเริ่มต้น ตอนนั้นคนก็บอกว่าอินเทอร์เน็ตมันแค่สำหรับบริษัทไฮเทค หรือต่อมาจะมีเรื่องสมาร์ทโฟน และโซเชียลมีเดีย ซึ่ง ธัชกรณ์ มองว่า AI ก็เหมือนยุคแรกของโซเชียลมีเดียที่ทุกคนไม่คิดว่ามันจะเข้ามา สำหรับบางคนหรือสำหรับบางอุตสาหกรรม อาจจะมองว่า AI มันยังมาไม่ถึง แต่เมื่อมันมาถึงแล้ว มันก็อาจจะสายเกินไป องค์กรต้องรีบเตรียมตัวก่อนที่มันจะมาถึง
AI จะดิสรัปต์คนที่ไม่ปรับตัว องค์กรไหนที่ใช้ประโยชน์กับ AI จะรอด ส่วนใครที่ไม่ได้ใช้ก็จะเริ่มแข่งขันยากขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 มุมมอง คือ
AI ช่วยพัฒนาการตลาด การขาย นอกจาก AI จะเข้ามาช่วยให้ชีวิตคนไม่ต้องทำงานซ้ำๆ และเข้ามาช่วยให้คุณภาพชีวิตคนดีขึ้นแล้ว ในแง่มุมธุรกิจ AI ยังเป็นกลจักรสำคัญของการตลาด และการขายที่ดีอีกด้วย เช่น AI เข้ามาช่วยเรื่องการจัดโปรโมชั่น ทั้งการโปรโมทในเวลาที่เหมาะสม ให้คนเห็นข้อความที่ต้องการ หรือแม้กระทั่งเลือกตัวอักษรและสีให้ตรงใจ
“ถามว่ามนุษย์ทำได้ไหม ทำได้ แต่ AI มันทำได้เร็วกว่า” ธัชกรณ์ กล่าว
ธัชกรณ์ กล่าวต่อว่า AI สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของมันเอง สามารถ Customize ให้กับคนเป็นล้านๆ คน คือ แทนที่ทุกคนจะได้รับโปรโมชั่นเดียวกัน แต่ในอนาคต AI จะสามารถส่งโฆษณาหรือโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ เป็น Creative AI
“ผมมองว่าในอนาคตมันก็จะปรับไปถึงว่า นาย A ชอบตีกอล์ฟ นาย B ชอบเทนนิส เมื่อแบรนด์ต้องการจะโปรโมทสินค้าเครื่องดื่ม นาย A จะได้รับโฆษณาเป็นคนแต่งชุดกอล์ฟ ส่วนนาย B จะเห็นภาพคนเล่นเทนนิส AI สามารถเปลี่ยนสไตล์ เพื่อให้มันเข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน”
Sertis แนะองค์กรต้องเข้าใจธุรกิจ และเลือกใช้ AI ให้เหมาะ สำหรับองค์กรธุรกิจที่เพิ่งรู้จัก AI และยังไม่รู้ว่าจะนำ AI ไปทำอะไรได้บ้าง Sertis แนะนำว่าสิ่งแรกที่สำคัญสุด คือ การเข้าใจตัวเองก่อน และพิจารณาว่ามีส่วนไหนที่คิดว่า AI ช่วยได้
เจาะลึกการเข้าซื้อ Windsurf IDE ของ OpenAI เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาด AI Coding ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือดจาก Google และ Anthropic พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มและบทบาทของ Windsurf ในตลาดองค์กร