INSIDERLY AI - AI Consultation & Education

Lex : เมื่อ AI ไม่ได้มาแทนที่ แต่มาเป็นเพื่อนคู่คิดในงานเขียน

 

เราน่าจะเคยเห็นคลิปรีวิวเครื่องมือใหม่ๆ ผ่านตากันมานับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่มักจะเปิดตัวด้วยฟีเจอร์หวือหวาที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนโลกได้ในพริบตา แต่พอได้ลองใช้จริงกลับรู้สึกว่ามันซับซ้อนเกินไป หรือไม่ได้ตอบโจทย์การทำงานของเราจริงๆ 

ความรู้สึกคล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมได้ยินชื่อ Lex.page ครั้งแรก มันถูกขนานนามว่าเป็น “โปรแกรมเขียนงานยุคใหม่ด้วย AI” ซึ่งในใจก็แอบคิดว่าคงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่พยายามจะให้ AI เขียนทุกอย่างแทนเรา 

แต่เมื่อได้ลองเปิดใช้งาน ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าไม่ใช่หน้าจอที่เต็มไปด้วยเมนูคำสั่ง AI ที่ซับซ้อน 

แต่เป็นหน้ากระดาษว่างเปล่าที่ดูสงบและสะอาดตา 

มันทำให้เกิดคำถามแว่บแรกขึ้นมาว่า หรือนี่จะไม่ใช่เครื่องมือที่มา "แทนที่" แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อเป็น "เพื่อนคู่คิด" ของเราจริงๆ

บทความนี้ ผมคงไม่ได้มาแค่รีวิวฟีเจอร์ทีละข้อ แต่อยากจะมาเจาะดูกันถึงแก่นความคิดเบื้องหลัง Lex ว่าทำไมเครื่องมือที่ดูเรียบง่ายชิ้นนี้ถึงได้เข้าไปนั่งในใจของนักเขียนและคนทำงานสร้างสรรค์กว่าสามแสนคนทั่วโลก 

มันเข้ามาแก้ปัญหาอะไรที่เครื่องมืออย่าง Google Docs หรือ Notion ยังให้เราไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือ มันจะเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่องานเขียนและ AI ไปได้อย่างไร

 

ทำไมเราถึงต้องการเครื่องมือเขียนใหม่?

ก่อนจะไปดูว่า Lex ทำอะไรได้บ้าง เราอาจต้องถอยกลับมาหนึ่งก้าวแล้วถามตัวเองว่า 

ทุกวันนี้เครื่องมือที่เราใช้อยู่มันมีปัญหาอะไร?

Google Docs นั้นใช้งานได้ดีสำหรับการทำงานเอกสารทั่วไป มันเหมือนกับชุดเครื่องมือช่างสามัญประจำบ้านที่มีทุกอย่างที่เราต้องการ 

แต่บางครั้งความครบครันของมันก็กลายเป็นสิ่งรบกวน แถบเมนูที่เต็มไปด้วยฟังก์ชันมากมายทำให้เราวอกแวกเสียสมาธิได้ง่าย 

ในขณะที่ Notion ก็เป็นเหมือนโกดังเก็บข้อมูลและระบบจัดการโปรเจกต์ที่ powerful มาก แต่เมื่อเราต้องการจะจดจ่อกับการ “เขียน” จริงๆ มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจัดระเบียบข้อมูลมากกว่าการปล่อยความคิดให้ลื่นไหล

นี่คือช่องว่างที่ Lex พยายามจะเข้ามาเติมเต็ม 

มันไม่ได้พยายามจะเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน แต่ตั้งใจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพียงสิ่งเดียว นั่นคือ พื้นที่สำหรับการเขียนที่ไร้สิ่งรบกวน 

ที่ซึ่งความคิดของเราสามารถเชื่อมต่อกับปลายนิ้วได้อย่างอิสระ โดยมี AI คอยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เจ้านายที่คอยสั่งการ 

แนวคิดนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ที่แตกต่าง

หัวใจของ Lex ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของสมาธิและกระบวนการคิดสร้างสรรค์

 

เจาะดูเบื้องหลังความเรียบง่าย: ฟีเจอร์ที่คิดมาแล้ว

สิ่งที่ทำให้ Lex ทรงพลังไม่ใช่จำนวนฟีเจอร์ แต่เป็นวิธีที่ฟีเจอร์แต่ละอย่างทำงานร่วมกันอย่างลงตัวเพื่อสนับสนุนกระบวนการเขียนของเรา 

ลองมาดูกันทีละส่วนว่ามีอะไรซ่อนอยู่หลังม่านของความมินิมอลบ้าง

 

AI Feedback: บรรณาธิการส่วนตัวที่พร้อมเสมอ

เราทุกคนรู้ดีว่าการได้ความคิดเห็นที่สอง  หรือ second opinion เกี่ยวกับงานเขียนเป็นสิ่งที่มีค่ามาก 

แต่ในชีวิตจริง เราไม่สามารถจะมีบรรณาธิการมานั่งข้างๆ เราได้ตลอดเวลา 

Lex แก้ปัญหานี้ด้วยฟีเจอร์ AI Feedback ที่เป็นมากกว่าแค่โปรแกรมตรวจไวยากรณ์ 

แต่มันคือคู่สนทนาทางความคิดของเรา 

ลองนึกภาพว่าเรากำลังเขียนบทความวิเคราะห์ที่ซับซ้อน หลังจากเขียนไปได้ครึ่งทาง เราเริ่มไม่แน่ใจว่าข้อโต้แย้งของเรามันหนักแน่นพอหรือยัง หรือมีช่องโหว่ทางตรรกะตรงไหนหรือไม่ 

แทนที่จะต้องเก็บความกังวลนั้นไว้ เราสามารถไฮไลท์ย่อหน้าดังกล่าวแล้วถาม AI ตรงๆ ได้เลยว่า “ช่วยวิเคราะห์หน่อยว่าเหตุผลตรงนี้อ่อนไปมั้ย ควรเพิ่มเติมประเด็นไหนเพื่อสนับสนุนความคิดนี้” หรือ “ลองหาตัวอย่างมาเสริมตรงนี้หน่อยได้มั้ย”

AI จะไม่ได้แค่แก้คำผิด แต่มันจะพยายามทำความเข้าใจเจตนาของเราแล้วให้ข้อเสนอแนะกลับมาในเชิงโครงสร้างและเนื้อหา 

จุดนี้เองที่เปลี่ยนเกม จากเดิมที่เราต้องเขียนให้เสร็จทั้งฉบับแล้วค่อยส่งให้คนอื่นอ่านเพื่อขอความเห็น 

กลายเป็นว่าเราสามารถปรับแก้และพัฒนาความคิดของเราได้แบบเรียลไทม์ในระหว่างที่เขียนเลย มันช่วยลดความกังวลและทำให้เรากล้าที่จะทดลองเขียนในประเด็นที่ยากขึ้น เพราะรู้ว่ามีผู้ช่วยที่พร้อมจะให้ฟีดแบ็คอยู่เสมอ

 

Commands และ AI Shortcuts: ลดแรงต้าน เพิ่มความลื่นไหล

สภาวะที่นักเขียนทุกคนถวิลหาคือ “สภาวะลื่นไหล” หรือ Flow State ที่เราสามารถเขียนได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ แต่บ่อยครั้งที่ Flow ของเราต้องสะดุดลงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น นึกคำศัพท์ที่เหมาะสมไม่ออก หรือต้องการหาข้อมูลประกอบเล็กน้อย ทำให้เราต้องสลับหน้าจอไปที่เบราว์เซอร์ ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สมาธิของเราแตกกระเจิง (จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง ก็เจอบ่อย กว่าจะรวบรวมสมาธิให้มาโฟกัสได้ ต้องใช้เวลาและไม่ง่ายเลย)

Lex เข้าใจปัญหานี้ดี จึงได้ออกแบบสิ่งที่เรียกว่า Commands และ AI Shortcuts ขึ้นมา มันคือชุดคำสั่งลัดที่เราสามารถพิมพ์ลงไปในเอกสารได้โดยตรงเพื่อสั่งงาน AI โดยไม่ต้องละมือจากคีย์บอร์ดเลยแม้แต่น้อย 

หากเรากำลังเขียนประโยคที่รู้สึกว่ามันยังขาดพลัง เราแค่นึกคำที่ดีกว่าไม่ออก เราสามารถพิมพ์คำสั่งง่ายๆ ต่อท้ายประโยคเพื่อให้ AI ช่วย “หาคำเหมือนที่มีพลังกว่านี้” หรือถ้าเราต้องการลิสต์ไอเดียสำหรับหัวข้อย่อยถัดไป เราก็แค่พิมพ์คำสั่งว่า “ช่วยลิสต์หัวข้อย่อย 3 ข้อสำหรับประเด็นนี้”

และที่สำคัญ ฟีเจอร์ที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยแต่กลับใช้งานได้จริง คือ Title Generation การคิดชื่อเรื่องเป็นศิลปะที่ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์และการตลาด และยังเป็นขั้นตอนที่ทำให้หลายคนปวดหัวที่สุด 

Lex ทำให้ขั้นตอนนี้ง่ายขึ้นเพียงแค่คลิกเดียว AI จะสแกนเนื้อหาทั้งหมดของเราแล้วเสนอชื่อเรื่องที่น่าสนใจมาให้เป็นสิบๆ ชื่อ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน 

ฟีเจอร์เหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อลดแรงต้านในกระบวนการเขียน ทำให้เราสามารถคงสภาวะลื่นไหลไว้ได้นานที่สุด

 

Alternative Versions: พื้นที่ปลอดภัยสำหรับการทดลอง

เคยมั้ยครับที่เราเขียนย่อหน้าหนึ่งเสร็จแล้ว แต่ในใจก็ยังรู้สึกว่ามันน่าจะเขียนให้ดีกว่านี้ได้อีก 

เราอยากจะลองแก้ แต่ก็กลัวว่าของเก่าที่ดีอยู่แล้วจะหายไป ฟีเจอร์ Alternative Versions ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ 

มันอนุญาตให้เราเลือกส่วนใดส่วนหนึ่งของข้อความแล้วสร้าง “เวอร์ชันทางเลือก” ขึ้นมาได้ เราสามารถแก้ไขและปรับแต่งเวอร์ชันใหม่ได้อย่างอิสระ 

ในขณะที่เวอร์ชันดั้งเดิมก็ยังคงอยู่ให้เราเห็นและเปรียบเทียบข้างๆ กัน

นี่เป็นมากกว่าแค่ฟีเจอร์ แต่มันคือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางความคิดให้กับนักเขียน มันปลดปล่อยเราจากความกลัวที่จะทำพลาด ทำให้เรากล้าที่จะทดลองใช้สำนวนภาษาใหม่ๆ หรือเรียบเรียงโครงสร้างประโยคในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะเรารู้ว่าเราสามารถย้อนกลับไปหาของเดิมได้เสมอ 

ในทางปฏิบัติแล้ว ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับงานเขียนที่ต้องการความละเอียดอ่อนทางภาษา อย่างเช่น งานเขียนคำโฆษณา (Copywriting) หรือบทสุนทรพจน์ ที่ทุกคำมีความหมายและต้องผ่านการขัดเกลามาเป็นอย่างดี

 

แล้ว Lex เทียบกับเครื่องมืออื่นเป็นอย่างไร?

แน่นอนว่าการเลือกเครื่องมือขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่เพื่อให้เห็นภาพชัด เรามาลองเปรียบเทียบ Lex กับเครื่องมือยอดนิยมอื่นๆ ในเชิงลึกกันดู

 

ตารางเปรียบเทียบภาพรวม

คุณสมบัติ

Lex

Google Docs

Notion

Minimal UI

ดีมาก

ปานกลาง

ดี

AI Editor

มีในตัว

ไม่มี (ต้องใช้ Add-ons)

ไม่มี (ต้องใช้ Add-ons)

Real-time Collaboration

มี

มี

มี

Title Generation

มี AI ช่วยตั้งชื่อ

ไม่มี

ไม่มี

 

การวิเคราะห์เชิงลึก

Lex vs Google Docs

Google Docs คือมาตรฐานของวงการเอกสารออนไลน์ แต่จุดแข็งของมันคือการเป็นเครื่องมือสำหรับ "สำนักงาน" ที่เน้นฟังก์ชันการทำงานร่วมกัน การจัดรูปแบบ และการรองรับไฟล์ที่หลากหลาย 

แต่ในมุมของ "นักเขียน" ฟังก์ชันเหล่านี้อาจกลายเป็นสิ่งรบกวน Lex ตัดสินใจทิ้งฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นเหล่านั้นไป แล้วมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การเขียนอย่างแท้จริง 

ถ้า Google Docs คือห้องทำงานที่ครบครัน Lex ก็คือกระท่อมไม้สนริมทะเลสาบที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสมาธิเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน

 

Lex vs Notion

Notion คือแพลตฟอร์ม All-in-one ที่ทรงพลังสำหรับการจัดการข้อมูลและองค์ความรู้ มันเก่งในเรื่องการสร้างฐานข้อมูล การวางแผน และการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน 

แต่การเขียนใน Notion ให้ความรู้สึกเหมือนการ "กรอกข้อมูล" ลงในบล็อกที่กำหนดไว้แล้ว มันขาดอิสระและความลื่นไหลที่นักเขียนต้องการ Lex ถูกออกแบบมาเพื่อการเขียนโดยเฉพาะ 

ทุกฟีเจอร์ล้วนมุ่งสนับสนุนกระบวนการคิดและการเรียบเรียงประโยค ไม่ใช่การจัดระเบียบข้อมูล

 

Lex vs ChatGPT/AI Writing Tools

แล้วทำไมเราไม่ใช้ ChatGPT เขียนแล้วค่อยเอามาวางในโปรแกรมอื่นล่ะ? 

คำถามนี้เป็นคำถามที่ดี แต่เราต้องเข้าใจว่าเครื่องมืออย่าง ChatGPT ถูกออกแบบมาเพื่อการ "สร้างข้อความตามคำสั่ง" ไม่ใช่ "การเขียน" 

 

Lex ผสานความสามารถของ AI เข้ากับสภาพแวดล้อมการเขียนที่สมบูรณ์แบบ มันทำให้ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ ไม่ใช่แค่เครื่องมือที่ใช้แล้วทิ้ง 

เราสามารถโต้ตอบ ปรับแก้ และทำงานร่วมกับ AI ได้บนตัวงานเขียนของเราโดยตรง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากการคัดลอกและวางอย่างสิ้นเชิง

 

ข้อจำกัดที่ควรรู้และอนาคตที่น่าจับตา

ไม่มีเครื่องมือใดที่สมบูรณ์แบบ Lex เองก็มีบางประเด็นที่เราควรพิจารณา  เช่น ความสามารถของ AI ในการทำความเข้าใจบริบทที่ซับซ้อนของภาษาไทยก็ยังคงเป็นความท้าทาย 

แม้ว่าจะทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องการการตรวจสอบและขัดเกลาจากมนุษย์อยู่เสมอ

แต่เรื่องน่าคิดคือ Lex ไม่ได้หยุดนิ่ง ทีมพัฒนามีการอัปเดตและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง อนาคตเราอาจจะได้เห็นการทำงานร่วมกับแหล่งข้อมูลภายนอก หรือ AI ที่สามารถเรียนรู้สไตล์การเขียนเฉพาะตัวของเราได้ 

ซึ่งนั่นจะทำให้มันกลายเป็นผู้ช่วยที่ฉลาดและรู้ใจเรามากยิ่งขึ้นไปอีก

 

สรุปแล้ว: เราได้อะไรจาก Lex?

กลับมาที่คำถามตั้งต้น Lex คือเครื่องมือประเภทไหนกันแน่ หลังจากที่เราได้เจาะลึกลงไปในทุกแง่มุมแล้ว สรุปได้ว่า Lex ไม่ใช่แค่โปรแกรมพิมพ์งานที่ฉลาดขึ้น แต่มันคือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการมองงานเขียนและการใช้ AI

Lex สอนให้เรารู้ว่า AI ไม่จำเป็นต้องเป็นภัยคุกคามต่องานสร้างสรรค์ แต่มันสามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยขยายขีดความสามารถของเราได้ มันช่วยขจัดความน่าเบื่อหน่ายและความกังวลในกระบวนการเขียนออกไป ทำให้เรามีพลังงานและเวลาเหลือพอที่จะไปโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ "ความคิด" และ "สาร" ที่เราต้องการจะสื่อออกไป

มันคือเครื่องมือสำหรับคนที่เชื่อว่าเทคโนโลยีควรจะเข้ามาทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นและสงบลง ไม่ใช่ซับซ้อนและวุ่นวายกว่าเดิม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาพื้นที่ที่สามารถปล่อยความคิดให้โลดแล่นได้อย่างอิสระ โดยมีเพื่อนคู่คิดที่ชาญฉลาดคอยอยู่เคียงข้าง บางที Lex.page อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหามาตลอดก็ได้

Insiderly Selection Tools

แนะนำเครื่องมือ AI ที่ได้รับการคัดเลือก

เครื่องมือ AI ที่น่าสนใจ

รับข่าวอัพเดทส่งตรงถึงอีเมลคุณ

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้การเรียนรู้ของ Insiderly กันนะครับ ❤️😊